World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 27 ธันวาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 27, 2018 09:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติปิดพุ่งขึ้นกว่า 1,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับรายงานของมาสเตอร์การ์ด สเปนดิงพัลส์ ซึ่งระบุว่า บริษัทค้าปลีกของสหรัฐทำยอดขายพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 6 ปีในช่วงเทศกาลวันหยุดปีนี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 8%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นพุ่งขึ้น 3.69 ดอลลาร์ หรือ 8.7% โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐ และจากการที่รัฐมนตรีพลังงานรัสเซียได้แสดงมุมมองในด้านบวกว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะมีเสถียรภาพในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า

นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของรัสเซีย คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรนอกกลุ่มโอเปก ให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตเป็นอย่างดี

-- มาสเตอร์การ์ด สเปนดิงพัลส์ บริษัทวิจัยข้อมูลค้าปลีกในเครือมาสเตอร์การ์ด เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทค้าปลีกสหรัฐในระหว่างวันที่ 1 พ.ย.-24 ธ.ค.ปีนี้ พุ่งขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 8.50 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติแข็งแกร่งสุดในรอบ 6 ปี โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดค้าปลีกออนไลน์ที่ทะยานขึ้นถึง 19.1% จากปีก่อนหน้า

ขณะเดียวกัน ยอดค้าปลีกในห้างสรรพสินค้าปรับตัวลดลง 1.3% โดยห้างสรรพสินค้ามียอดขายซบเซามา 2 ปีแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะลูกค้าหันไปซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายออนไลน์ของห้างสรรพสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.2%

-- ภาวะที่หน่วยงานรัฐบาลบางส่วนของสหรัฐต้องปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือภาวะชัตดาวน์ ยังไม่มีแนวโน้มที่จะได้รับการแก้ไขในระยะเวลาอันใกล้นี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศอิรักเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสเมื่อวานนี้ว่า "ผมจะทำทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพื่อให้ได้มาซึ่งงบประมาณในการสร้างกำแพง เพื่อความปลอดภัยบริเวณชายแดนของเรา"

ทั้งนี้ ภาวะชัตดาวในสหรัฐได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงพ้นเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 21 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเที่ยงวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค.ตามเวลาไทย และยืดเยื้อมาจนถึงขณะนี้ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐไม่อนุมัติร่างกฎหมายที่บรรจุงบประมาณสำหรับก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้ปฏิเสธที่จะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณที่ไม่รวมงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกเช่นกัน

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมของจีนในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัว 11.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งชะลอตัวลงจากช่วงเดือนม.ค.-ต.ค.ที่มีการขยายตัว 13.6%

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ เปิดเผยว่า ภาคการผลิตในภูมิภาคแอตแลนติกตอนกลางหดตัวลงในเดือนธ.ค. ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้

เฟด ริชมอนด์ ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตร่วงลงสู่ระดับ -8 ในเดือนธ.ค. จากระดับ +14 ในเดือนพ.ย. ขณะที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ +15

ดัชนีที่มีค่าสูงกว่า 0 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว หากต่ำกว่า 0 บ่งชี้ภาวะหดตัว

-- ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนก.ย. และนับเป็นการชะลอตัวเดือนที่ 7 ติดต่อกัน

ข้อมูลล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า อุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐอ่อนแรง อันเนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านที่สูงขึ้น รวมถึงมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้น

รายงานระบุว่า ราคาบ้านในลาสเวกัสขยายตัวแข็งแกร่งที่สุด โดยเพิ่มขึ้นถึง 12.8% ตามด้วยซานฟรานซิสโกและฟีนิกซ์ ที่ราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 8%

ส่วนในวอชิงตัน ราคาบ้านเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด โดยปรับตัวขึ้นเพียง 2.9% นิวยอร์ก 3.1% และชิคาโกเพิ่มขึ้น 3.3%

-- สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า จีนขาดดุลการค้าภาคบริการกับต่างประเทศที่ระดับ 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดของปีนี้ โดยลดลงจากระดับ 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.

SAFE ระบุว่า รายได้จากการค้าในภาคบริการอยู่ที่ 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนที่แล้ว ขณะที่รายจ่ายอยู่ที่ 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์

สำหรับในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ จีนมียอดขาดดุลการค้าในภาคบริการรวมทั้งสิ้น 2.69 แสนล้านดอลลาร์

-- กรมการเมืองของคณะกรรมาธิการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้จัดการประชุมที่มีความสำคัญเป็นเวลาสองวัน ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ โดยที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนตำแหน่งของนายสี จิ้นผิง ในฐานะที่เป็นแกนหลักของคณะกรรมาธิการกลางฯ และของทั้งพรรคคอมมิวนิสต์ ตลอดจนสิทธิอำนาจของคณะกรรมาธิการกลางฯ และความเป็นผู้นำที่เป็นเอกภาพและรวมศูนย์

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการตามมติและนโบายที่มีความสำคัญ ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมาธิการกลางฯ

-- สำนักข่าวเพรส ทีวี รายงานว่า อิหร่านยืนยันว่ากำลังเจรจากับกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถานเพื่อบรรเทาสถานการณ์ความไม่มั่นคงในประเทศ

นายอาลี ชัมคานี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน กล่าวว่า "การติดต่อและพูดคุยกับกลุ่มตาลีบันเกิดขึ้นหลายครั้งโดยที่รัฐบาลอัฟกานิสถานรับรู้ และจะเป็นเช่นนี้ต่อไป"

ทั้งนี้ นายอาลีเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวระหว่างเดินทางเยือนอัฟกานิสถานเป็นเวลา 1 วันตามคำเชิญของนายฮัมดุลลาห์ โมฮิบ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน

เขายังเน้นย้ำด้วยว่าจำเป็นต้องสร้างกลไกบนพื้นฐานของการปรึกษาหารือกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการร่วมมืออย่างจริงจังของประเทศต่างๆในภูมิภาคในการสร้างความมั่นคง เพื่อรับประกันความมั่นคงและการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกประเทศในภูมิภาค

-- จีนสนับสนุนปฏิสัมพันธ์อันดีที่เกิดขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ หลังจากที่มีรายงานว่า กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ได้ตัดสินใจลบเนื้อหาที่กล่าวว่ารัฐบาลและกองทัพเกาหลีเหนือเป็นศัตรู ออกจากสมุดปกขาวของทางกระทรวงซึ่งจะมีการเผยแพร่ในเดือนม.ค.

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนสนับสนุนให้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้แสดงความปรารถนาดีต่อกัน สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน และยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกัน

-- สหรัฐเตรียมเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จาก Conference Board และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. ขณะที่ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนธ.ค. รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนพ.ย ญี่ปุ่นจะเปิดเผยอัตราว่างงาน, การผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ด้านเยอรมนีเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งและยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. รวมทั้งสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ