World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 8 มกราคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 8, 2019 10:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังดำเนินไปในขณะนี้ จะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองประเทศได้ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากสหรัฐเผยดัชนีภาคบริการที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐที่ล่วงเข้าสู่วันที่ 17

-- คณะทำงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่าสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าอย่างสมเหตุสมผลกับจีนได้ หลังจากที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนส่งคนใกล้ชิดระดับสูงเข้าร่วมในการเจรจาที่กรุงปักกิ่ง เพื่อหารือเกี่ยวกับการสงบศึกการค้ารอบล่าสุดที่สร้างความปั่นปวนให้กับตลาดการเงินก่อนหน้านี้

นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐระบุว่า "มีโอกาสดีมากที่เราจะบรรลุข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายจะเห็นพ้องและกัน และสามารถจัดการกับประเด็นสำคัญทั้งหมดได้ในคราวเดียว" โดยข้อตกลงการค้าดังกล่าวอาจจะรวมถึงการที่จีนนำเข้าถั่วเหลืองและก๊าซธรรมชาติเหลงจากสหรัฐมากขึ้น ตลอดจนการปฏิรูปในระดับโครงสร้างในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและการเข้าถึงตลาด

-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐประกาศว่า เขาจะกล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์ในช่วงไพร์ไทม์ และจะเดินทางเยือนบริเวณชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกภายในสัปดาห์นี้ ในขณะที่การปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลชั่วคราวหรือภาวะชัตดาวน์ล่วงเข้าสู่วันที่ 17 หลังจากที่สภาคองเกรสไม่เห็นพ้องเกี่ยวกับงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ตามที่ปธน.ทรัมป์เรียกร้อง

ด้านนางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า ปธน.ทรัมป์จะเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนในวันพฤหัสบดี ส่วนรายละเอียดจะเปิดเผยให้ทราบในระยะเวลาอันใกล้ ขณะที่การเดินทางเยือนของทรัมป์ถูกมองว่าจะเป็นการเน้นให้เห็นถึงความวิตกกังวลด้านความปลอดภัยที่ฝ่ายบริหารผลักดันมาโดยตลอด

-- สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือยืนยันว่านายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ พร้อมด้วยนางรี ซอล-จู ภริยา เดินทางเยือนจีนเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 7 - 10 มกราคม ตามคำเชิญของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าผู้นำสูงสุดอาจจะเดินทางด้วยรถไฟข้ามแดนเข้าสู่จีน ถือเป็นการเยือนจีนครั้งที่ 4 ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี

ทั้งนี้ การเดินทางเยือนจีนของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือในครั้งนี้ยังมีขึ้นท่ามกลางรายงานเกี่ยวกับการพิจารณาสถานที่สำหรับจัดการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างนายคิม และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายพบหารือกันเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว

-- นายจิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลกประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะเข้าร่วมในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่เน้นให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา

ทั้งนี้ การประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างไม่คาดคิดดังกล่าวมีขึ้นขณะที่นายจิมยังเหลือระยะเวลาในการปฎิบัติหน้าที่ถึงกว่า 3 ปี ก่อนครบวาระในปี 2565 หลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารโลกสมัยที่ 2 วาระ 5 ปี เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ท่ามกลางการจับตามองอย่างใกล้ชิดจากนานาชาติเกี่ยวกับผู้ที่จะมารับตำแหน่งประธานธนาคารโลกต่อจากนายจิม ซึ่งเบื้องต้นนางคริสตาลีนา กอร์เกียวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารโลกจะทำหน้าที่รักษาการแทนจนกว่าการต่งตั้งผู้ว่าการคนใหม่จะแล้วเสร็จ

-- นายเอดัวร์ ฟีลิป นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสประกาศแผนลงโทษประชาชนที่เข้าร่วมการประท้วงที่ไม่ได้รับอนุญาติ หลังการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลที่ปะทุกลายเป็นความรุนแรงดำเนินไปแล้ว 7 สัปดาห์ โดยรัฐบาลฝรั่งเศสต้องการร่างกฎหมายฉบับใหม่ ในการสั่งห้ามผู้ก่อเหตุการณ์ความไม่สงบเข้าร่วมการชุมนุม และควบคุมฝูงชนที่แสดงพลังสวมใส่หน้ากากเป็นสัญลักษณ์เข้าร่วมการเดินขบวน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสยังระบุด้วยว่า รัฐบาลเตรียมสั่งการให้กองกำลังความมั่นคง 80,000 นายกระจายกำลังลงพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อยในการประท้วงต่อต้านที่จะจัดขึ้นในครั้งถัดไป หลังจากที่กลุ่มผู้ประท้วงทำลายสิ่งกีดขวาง และประตูของสำนักงานรัฐบาลระหว่างการชุมนุมที่เกิดขึ้นช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลอดจนปะทะกับตำรวจปราบจลาจล ทั้งยังมีการเผารถยนต์ รถจักรยานยนต์ในการชุมนุมบริเวณจุดอื่น ๆ ของกรุงปารีส

-- ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เปิดเผยในรายงานคาดการณ์ว่า กำไรจากการดำเนินงานในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 จะลดลง 29% เนื่องจากความต้องการสมาร์ทโฟนและชิปหน่วยความจำ ชะลอตัวลง รวมถึงเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากบริษัทแอปเปิลและคู่แข่งจากจีน โดยคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 10.8 ล้านล้านวอน (9.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ถือเป็นไตรมาสแรกในรอบ 2 ปีที่กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากที่ผ่านมาความต้องการชิปหน่วยความจำช่วยทำกำไรให้กับบริษัท

ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ออกมาในวันนี้ ซัมซุงให้เหตุผลด้านความต้องการที่ซบเซาและการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยระบุว่า "เราคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 จะยังคงเป็นไปในทิศทางนี้ เนื่องจากทางบริษัทกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจชิปหน่วยความจำ" พร้อมคาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทจะลดลง 11% สู่ระดับ 59 ล้านล้านวอน โดยทางบริษัทจะเปิดเผยข้อมูลรายได้ภายในเดือนนี้

-- นายคาร์ลอส กอส์น อดีตประธานบริษัทนิสสันที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ปฏิเสธข้อกล่าวหาทุจริตทางการเงินระหว่างเข้าให้ปากคำต่อศาลกรุงโตเกียวในวันนี้ ถือเป็นการปรากฎตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกหลังจากที่ถูกควบคุมตัวนับตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า อดีตประธานบริษัทนิสสันประกาศความบริสุทธิ์ของตัวเอง โดยกล่าวต่อศาลว่า ตนถูกกล่าวหาอย่างไม่ถูกต้อง และถูกควบคุมตัวอย่างไม่เป็นธรรมบนพื้นฐานของข้อกล่าวหาที่ไม่ได้อยู่บนหลักความเป็นจริง และระบุด้วยว่า "ตรงข้ามกับข้อกล่าวหาที่อัยการตั้งขึ้น ตนไม่เคยได้รับค่าตอบแทนใดๆจากนิสสันในทางลับ และตนไม่เคยทำสัญญาที่มีผลผูกพันกับนิสสัน ในการจ่ายค่าตอบแทนจำนวนคงที่ในทางลับแต่อย่างใด"

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยเกาหลีใต้จะเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ย. ออสเตรเลียนจะเปิดเผยยอดนำเข้า, ส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ย ส่วนญี่ปุ่นจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. เยอรมนีจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ฝรั่งเศสจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ย. อังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค.จากฮาลิแฟกซ์ ด้านอียูจะเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนธ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยยอดนำเข้า, ส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้เยอรมนีจะเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ย. ด้านอียูจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ย. ส่วนสหรัฐจะเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ