ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ทั้งในเดือนธ.ค.และตลอดปี 2561 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป หลังจากบริษัทไดอะล็อค เซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับต่ำสุดของตัวเลขคาดการณ์ ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และเน็ตฟลิกซ์
-- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดการส่งออกเดือนธันวาคมลดลง 4.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนยอดนำเข้าลดลง 7.6% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนธ.ค.ที่ระดับ 5.71 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยทั้งยอดส่งออกและนำเข้าในเดือนธ.ค.เป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 ขณะที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดนำเข้าเดือนธ.ค.ของจีนจะเพิ่มขึ้น 5% และยอดส่งออกจะเพิ่มขึ้น 3%
นอกจากนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐในปี 2561 เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 3.233 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับคณะผู้แทนของจีนในการบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับรัฐบาลสหรัฐเพื่อยุติสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ขณะเดียวกันยังแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐก่อนจะถึงเส้นตายวันที่ 1 มีนาคม
-- ตลาดการเงินทั่วโลกจับตารัฐสภาอังกฤษซึ่งจะทำการลงมติต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ เวลา 20.00-21.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเช้ามืดวันพุธเวลา 03.00-04.00 น.ตามเวลาไทย
การลงมติดังกล่าวจะเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตการเมืองของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งต้องการผลักดันให้ร่างข้อตกลง Brexit ฉบับนี้ผ่านการอนุมัติในรัฐสภา หลังจากที่ได้เลื่อนการลงมติมาแล้วครั้งหนึ่งจากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 11 ธ.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากวิตกว่าจะถูกสภาคว่ำในวันดังกล่าว
-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ ปฎิเสธข้อเรียกร้องของพรรครีพับลิกันที่ต้องการให้รัฐบาลยุติภาวะปิดหน่วยงานบางส่วนหรือชัตดาวน์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเจรจากับพรรคเดโมแครตในประเด็นด้านความมั่นคงชายแดน หลังจากที่หน่วยงานรัฐบาลกลางราว 1 ใน 4 ต้องปิดตัวลงชั่วคราว เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม จากการที่สภาคองเกรสไม่ผ่านความเห็นชอบต่อร่างงบประมาณสร้างกำแพงบริเวณชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอ
อย่างไรก็ดี ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุม American Farm Bureau ในเมืองนิว ออร์ลีนส์ ผู้นำสหรัฐย้ำข้อเรียกร้องต่อสภาคองเกรสในการผ่านร่างงบประมาณก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนอีกครั้ง โดยระบุว่า อากาศยานไร้คนขับหรือโดรน, เซ็นเซอร์และเทคโนโลยีอื่น ๆ ไม่สามารถหยุดยั้งการหลั่งไหลข้ามพรมแดนที่ผิดกฎหมายได้
-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐประกาศว่า "ตนไม่เคยทำงานให้กับรัสเซีย" โดยปฏิเสธรายงานของสื่อที่อ้างอิงจากการพิจารณาความสัมพันธ์ที่ตนมีกับรัสเซีย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ปกปิดการแปลบทสนทนาระหว่างเขาและนายวลาดิเมียร์ ปูติน ระหว่างการพบหารือในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
ขณะที่ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐหรือเอฟบีไอ เปิดการสอบสวนว่าทรัมป์เคยทำงานให้กับรัสเซียหรือไม่ หลังจากการปลดนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอออกจากตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งในขณะนั้นนายโคมีย์กำลังสืบสวนกรณีการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของรัสเซีย
-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษออกโรงเตือนฝ่ายค้านเกี่ยวกับข้อตกลงถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรือ Brexit ว่าจะทำให้ชาวอังกฤษประสบกับความผิดหวัง ในขณะที่พรรคแรงงานระบุว่า นายกรัฐมนตรีเมย์ต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้อันน่าอัปยศอดสูในการลงมติข้อตกลงดังกล่าวในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
ผู้นำอังกฤษเรียกร้องให้ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์พิจารณาข้อตกลง Brexit อีกครั้ง พร้อมย้ำความเชื่อมั่นในประเด็นพรมแดนไอร์แลนด์ว่า "ชอบด้วยกฎหมาย" และระบุว่า หน้าประวัติศาสตร์จะเป็นผู้ตัดสินว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผ่านมติ Brexit ไปพร้อมกับการปกป้องเศรษฐกิจและความมั่นคงหรือไม่
ทั้งนี้ รัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติต่อร่างข้อตกลง Brexit ในวันนี้ เวลา 20.00-21.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเช้ามืดวันพุธเวลา 03.00-04.00 น.ตามเวลาไทย ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าพรรคแรงงานและพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ จะลงมติคัดค้านข้อตกลง Brexit ขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคสหภาพประชาธิปไตยจะลงคะแนนรับบข้อตกลงดังกล่าว
-- ศาลจีนในมณฑลเหลียวหนิงพิพากษาประหารชีวิตนายโรเบิร์ต ลอยด์ เชลเลนเบิร์ก ชาวแคนาดา ในข้อหาลักลอบค้ายาเสพติด หลังจากที่ผู้ต้องหารายนี้ถูกจับกุมตัวในปี 2557 ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะตัดสินโทษจำคุก 15 ปี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 แต่หลังอุทธรณ์คำพิพากษา ศาลพิจารณาว่าโทษจำคุกนั้นถือว่าเป็นการปรานีเกินไป ส่งผลให้มีการพิจารณาโทษของนายเชลเลนเบิร์กครั้งใหม่ขึ้น
ทั้งนี้ การพิจารณาโทษประหารชีวิตดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างแคนาดาและจีนเผชิญความตึงเครียดขึ้น หลังกรณีที่ทางการแคนาดาจับกุมตัวนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย ตามคำเรียกร้องของรัฐบาลสหรัฐ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว นำมาซึ่งการตอบโต้จากจีนด้วยการควบคุมตัวพลเรือนแคนาดา 2 คน ด้วยข้อกล่าวหาเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดรายงานในวันนี้ โดย ฝรั่งเศสเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ขณะที่อียูเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนธ.ค. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. และดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนม.ค.จากเฟดนิวยอร์ก
ส่วนในวันพรุ่งนี้ญี่ปุ่นจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนพ.ย. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. ส่วนจีนจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค. เยอรมนีและอังกฤษจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนธ.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด (เช้าวันที่ 17 ม.ค.)