World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 14, 2019 09:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 117.51 จุด หรือ 0.46% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปในระยะนี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐทรงตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

-- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนได้เริ่มการเจรจาการค้าและเศรษฐกิจรอบใหม่ในช่วงเช้าวันนี้ที่กรุงปักกิ่ง โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้

การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนในรอบนี้ จะมีการสรุปผลการประชุมในวันศุกร์นี้

-- สื่อสหรัฐรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวซึ่งรวมงบในการสร้างรั้วกั้นแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่หน่วยงานของรัฐบาลต้องปิดทำการชั่วคราว หรือชัตดาวน์ รอบที่สอง

ปธน.ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐว่า ทำเนียบขาวจะพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณฉบับนี้อย่างจริงจัง พร้อมกับกล่าวว่า เขาไม่ต้องการเห็นการชัตดาวน์เกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่ไม่ควรเกิดขึ้น

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีตที่ต้องใช้งบในการสร้างถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์ตามปธน.ทรัมป์ต้องการ

-- นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหราชอาณาจักรมีการขยายตัว 1.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.9% หลังจากดีดตัวขึ้น 2.1% ในเดือนธ.ค.

ONS ระบุว่า การปรับตัวลงของราคาน้ำมัน และกระแสไฟฟ้าเป็นปัจจัยฉุดดัชนี CPI ในเดือนม.ค.

-- สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561 ขยายตัว 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ

หากเทียบเป็นรายไตรมาส GDP ไตรมาส 4 ของญี่ปุ่นซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลกนั้น ขยายตัว 0.3%

รายงานระบุว่า การอุปโภคบริโภคในภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้น ปรับตัวขึ้น 0.6% ขณะที่การใช้จ่ายด้านทุนเพิ่มขึ้น 2.4% สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

-- โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะแตะระดับสูงสุดที่ 67.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 2 หลังจากที่พยายามดีดตัวเหนือระดับ 64 ดอลลาร์นับตั้งแต่ที่ดิ่งลงอย่างมากในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว

โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การคาดการณ์ราคาดังกล่าวมาจากมุมมองที่ว่า การขยายตัวของอุปสงค์จะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ใช้มาตรการปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างมากเพื่อลดปริมาณน้ำมันในตลาด

-- กระทรวงการต่างประเทศของจีนออกแถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐและประเทศอื่นๆยังไม่ได้แสดงหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ และประเทศเหล่านี้กระพือกระแสความกลัวหัวเว่ยเนื่องจากต้องการปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

"ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์หัวเว่ยกำลังกุเรื่องภัยคุกคาม และใช้อำนาจรัฐในการกดขี่สิทธิในการพัฒนาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และผลประโยชน์ของบริษัทจีน รวมทั้งใช้การเมืองเพื่อแทรกแซงเศรษฐกิจ" นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าว

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยจีนเตรียมเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนม.ค. ขณะที่เยอรมนีและอียูเตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561 ทางด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และ สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ทางการจีนเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ขณะที่อังกฤษเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค. และอียูเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค. ทางด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ