ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 5.7% ในปี 2562 ซึ่งลดลงจากระดับ 5.9% ในปี 2561 เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกชะลอตัวลง และผลกระทบจากความตึงเครียดด้านการค้า
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ADB ได้เปิดเผยรายงาน "Asian Development Outlook 2019" ในวันนี้ โดยระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียจะอยู่ที่ 5.6% ในปี 2563 โดยอ้างอิงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น เศรษฐกิจจีนที่ยังคงขยายตัวปานกลาง
"ข้อพิพาทการค้าที่ย่ำแย่ระหว่างจีนและสหรัฐอาจบั่นทอนการลงทุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย" นายยาซายูกิ ซาวาดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADB กล่าว
นายซาวาดะยังกล่าวด้วยว่า "ความไม่แน่นอนมากมายที่เกิดขึ้นจากนโยบายการคลังของสหรัฐ และความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะออกจากสภาพยุโรป (Brexit) อย่างไร้ระเบียบนั้น อาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะบั่นทอนแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนและประเทศอื่นๆในภูมิภาคด้วย"
รายงานของ ADB ระบุว่า เศรษฐกิจจีนจะยังคงขยายตัวปานกลาง โดยคาดว่าจะมีการขยายตัว 6.3% ในปี 2562 และ 6.1% ในปี 2563 เนื่องจากทางการจีนยังคงใช้มาตรการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์และธนาคารเงา นอกจากนี้ ข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐยังทำให้การส่งออกของจีนอ่อนแอลงด้วย
ทั้งนี้ ADB คาดว่า เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ญี่ปุ่น และยูโรโซน จะขยายตัวช้าลงสู่ระดับ 1.9% ในปี 2562 และ 1.6% ในปี 2563 โดยระบุถึงนโยบายการเงินและการคลังที่มีการผ่อนคลายน้อยลงในสหรัฐ ความไม่แม่แน่นอนของ Brexit ที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ ADB คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.5% ทั้งในปี 2562 และ 2563