World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 6 มิถุนายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 6, 2019 09:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 207.39 จุด หรือ 0.82% เมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในไม่ช้า หลังจากตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐมีการขยายตัวในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 9 ปี รวมทั้งการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้ออกมาส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

-- สื่อต่างประเทศรายงานว่า บริษัท โบอิ้ง กำลังเจรจากับสายการบินจีนหลายราย เพื่อทำข้อตกลงขายเครื่องบินจำนวน 100 ลำ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินรุ่น 787 Dreamliners และ 777X ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่รุ่นใหม่ล่าสุดของโบอิ้ง

รายงานระบุว่า การเจรจาดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 777-9 ซึ่งเป็นเครื่องบินเจ็ทที่มีราคาแพงถึง 442.2 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม คาดว่าทั้งสองฝ่ายอาจไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ เนื่องจากข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเจรจา ขณะที่รายงานระบุว่า ทางฝั่งของจีนกำลังรอคำแนะนำจากรัฐบาลก่อนที่จะผลักดันการเจรจาให้มีความคืบหน้าต่อไป

-- สหรัฐเตรียมขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับไต้หวันรวมมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงรถถัง M1A2 ปืนต่อต้านอากาศยาน และอาวุธต่อต้านเสื้อเกราะ ซึ่งอยู่ในระหว่างการทบทวนของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทางการจีนได้ต่อต้านข้อตกลงการค้าอาวุธทุกรูปแบบของไต้หวัน และอาจมีการประท้วงนโยบายดังกล่าว

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาแก้ต่างแทนเกาหลีเหนือว่า ผู้แทนเจรจาชาวเกาหลีเหนือที่มีข่าวว่าโดนประหารชีวิตหลังจากที่การประชุมระหว่างปธน.ทรัมป์และนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือล้มเหลว "เป็นเรื่องที่ไม่จริง"

หนังสือพิมพ์โชซุน อิลโบของเกาหลีใต้รายงานก่อนหน้านี้ว่า นายคิม ย็อค ชอล ซึ่งเป็นผู้นำการเจรจาระดับคณะทำงานสำหรับการซัมมิตที่ฮานอยในเดือนก.พ. ได้ถูกประหารพร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 4 คนของกระทรวงต่างประเทศที่สนามบินมิริมชานกรุงเปียงยางในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หลังการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือจบลงด้วยความล้มเหลว ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่า การลงโทษดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีการสอบสวนแล้ว

แต่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกรณีดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่และได้ถูกควบคุมตัว

-- เจ้าหน้าที่ตัวแทนเจรจาการค้าของสหรัฐและเม็กซิโกได้เสร็จสิ้นการประชุมแล้วในวันพุธตามเวลาสหรัฐ โดยทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นการค้า และประเด็นผู้อพยพ ซึ่งการเจรจาดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกจะมีผลบังคับใช้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากเม็กซิโก ในอัตรา 5% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. และจะเพิ่มขึ้นทุกเดือนจนแตะระดับ 25% ในวันที่ 1 ต.ค. ถ้าเม็กซิโกไม่สามารถสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐระบุว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐและเม็กซิโกมีความคืบหน้าไม่มากพอ ในประเด็นการลดจำนวนการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเสพติด ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่ว่า สหรัฐจะดำเนินการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเม็กซิโกในสัปดาห์หน้า

เจ้าหน้าที่ของสหรัฐและเม็กซิโกได้เสร็จสิ้นการหารือกันที่ทำเนียบขาวในวันพุธตามเวลาสหรัฐ และปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจาจะเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันพฤหัสบดีนี้

-- หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า บริษัท เฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมบิลส์ (FCA) ได้ประกาศถอนตัวจากการเสนอซื้อกิจการบริษัท เรโนลต์ เอสเอ ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลาร์

รายงานระบุว่า บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเรโนลต์ ได้ปฏิเสธที่จะสนับสนุนข้อตกลงการควบรวมกิจการ

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศสได้เรียกร้องให้เรโนลต์เลื่อนเวลาการตัดสินใจในการรับข้อเสนอซื้อกิจการจาก FCA และระบุว่า ทางรัฐบาลจะไม่ยอมรับข้อตกลงดังกล่าว นอกเสียจากว่า เรโนลต์และนิสสันจะยังคงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

-- นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะกระทบตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของโลกราว 0.5% ภายในปี 2563 คิดเป็นมูลค่า 4.55 แสนล้านดอลลาร์

"มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าในขณะนี้ โดยมาตรการเก็บภาษีจากสหรัฐและจีนจะลดการลงทุน, ประสิทธิภาพการผลิต และการขยายตัว โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีต่อเม็กซิโกที่สหรัฐจะนำมาใช้ในสัปดาห์หน้าก็ถือเป็นปัจจัยที่สร้างความวิตก" นางลาการ์ดกล่าว

-- บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดัคเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพรายใหญ่ของไต้หวัน ประกาศว่า ทางบริษัทจะยังคงจัดส่งผลิตภัณฑ์ให้แก่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ แม้รัฐบาลสหรัฐมีคำสั่งห้ามบริษัทต่างๆจัดส่งสินค้าให้แก่หัวเว่ยก็ตาม

นายมาร์ค หลิว ประธานบริษัท TSMC กล่าวว่า ทางบริษัทคาดว่าการจัดส่งผลิตภัณฑ์ให้แก่หัวเว่ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะดีกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในวงกว้างในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และแนวโน้มธุรกิจยังคงเป็นไปในเชิงบวกอย่างแข็งแกร่ง

รายงาน "Beige Book" ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมมีการขยายตัวในอัตราเล็กน้อยในเดือนเม.ย.ถึงกลางเดือนพ.ค. โดยปรับตัวดีขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ "Beige Book" ซึ่งเป็นรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขตจนถึงวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น จะเป็นปัจจัยในการพิจารณาของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินครั้งถัดไปในวันที่ 18-19 มิ.ย.นี้

-- จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่า ECB จะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาส่งสัญญาณดังกล่าว

-- นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ เยอรมนีเตรียมเปิดเผย ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย. อียูเตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2562 (ประมาณการครั้งที่ 3) ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย. และผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 1/2562

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เยอรมนีเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย., ฝรั่งเศสเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ