ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา โดยฟอร์ด มอเตอร์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรในไตรมาส 2 ปีนี้เพียง 4 เซนต์/หุ้น ซึ่งลดลงอย่างมากจากไตรมาส 2 ปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 27 เซนต์/หุ้น และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรของฟอร์ดจะอยู่ที่ 32 เซนต์/หุ้น
-- มูดี้ส์ปรับแนวโน้มความน่าเชื่อถือของไทยสู่เชิงบวก จากมีเสถียรภาพ ขณะคงอันดับความน่าเชื่อถือ Baa1
-- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 284 ต่อ 149 เสียง ให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่าย ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการใช้จ่าย 2.75 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า และจะเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลจนถึงเดือนก.ค.2564
ทั้งนี้ การผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ครั้งใหม่
-- บริษัทเฟซบุ๊ก อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยได้ปัจจัยบวกจากรายได้โฆษณาที่พุ่งขึ้น
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.99 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.88 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน บริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ 7.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.87 ดอลลาร์
-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
นอกจากนี้ ECB ระบุว่า จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไป หรือปรับลดลง อย่างน้อยจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563
"กรรมการบริหารของ ECB ได้มอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมระบบการเงินยุโรปทำการศึกษาทางเลือกต่างๆ ซึ่งรวมถึงแนวทางการชี้นำนโยบายการเงิน, การใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดขนาดและองค์ประกอบของการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่" แถลงการณ์ของ ECB ระบุ
แถลงการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือทำการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนก.ย.
-- นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า การใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหญ่ยังคงมีความสำคัญ เพื่อรับประกันว่าสภาวะทางการเงินมีความแข็งแกร่ง และเอื้อต่อการขยายตัวของยูโรโซน
นายดรากียังระบุว่า กรรมการ ECB ทุกคนเห็นพ้องกันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป แม้สมาชิกยังคงเห็นต่างเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงินที่จะนำมาใช้
นอกจากนี้ นายดรากีกล่าวว่า ความเสี่ยงที่ยูโรโซนจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงอยู่ในระดับต่ำ
-- นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้แสดงความกังวลต่อแผนการเปิดตัวสกุลเงิน Libra ของเฟซบุ๊ก
ทั้งนี้ นายดรากีกล่าวว่า Libra ได้ทำให้ ECB มีความกังวลเกี่ยวกับการฟอกเงิน ความปลอดภัยทางไซเบอร์ การเป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนการก่อการร้าย และความมีเสถียรภาพทางการเงิน
คำกล่าวของนายดรากีสอดคล้องกับนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางการเงินทั่วโลก หลังจากที่เฟซบุ๊กประกาศแผนเปิดตัว Libra ในปีหน้า ซึ่งสร้างความวิตกต่อหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบ และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง เกี่ยวกับผลกระทบต่อระบบการเงินโลก
-- ธนาคารกลางตุรกีประกาศหั่นอัตราดอกเบี้ย 4.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ สู่ระดับ 19.75% โดยหวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะถดถอย
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.50%
-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ว่า การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะทำให้อังกฤษเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
นายจอห์นสันยังกล่าวว่า เขาจะทำข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่กับสหภาพยุโรป (EU) และจะผลักดันเศรษฐกิจอังกฤษให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และนายจอห์นสันขู่ว่า หาก EU ปฏิเสธที่จะเจรจาข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่ เขาก็จะนำอังกฤษแยกตัวจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค. โดยไม่มีการทำข้อตกลง
-- นางมีนา แอนดรีวา โฆษกของนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) กล่าวว่า นายยุงเกอร์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ นายยุงเกอร์กล่าวว่า EU จะไม่ทำการเจรจาครั้งใหม่กับอังกฤษ โดยข้อตกลงเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งผู้นำ EU มีการบรรลุข้อตกลงกับนางเทเรซา เมย์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ถือเป็นข้อตกลงที่ดีที่สุด และเป็นข้อตกลงฉบับเดียวที่อังกฤษทำไว้กับ EU
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 206,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนเม.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 219,000 ราย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ในปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 2 เดือน การดีดตัวขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนมิ.ย. ได้รับผลบวกจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องบิน และรถยนต์
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ สหรัฐเตรียมรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2562 เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย
ข้อมูลที่มีการเปิดเผยล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขประมาณการขั้นสุดท้ายสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ระดับ 3.1% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเท่ากับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 แต่ต่ำกว่าระดับ 3.2% ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1
การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนในภาคธุรกิจ แม้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง