World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 10 กันยายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 10, 2019 09:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินเดือนธ.ค. และคาดว่าหลังจากนั้นจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมตลอดปี 2563

ขณะเดียวกันฟิทช์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประกาศการผ่อนคลายนโยบายการเงินรอบใหม่ในเร็วๆนี้ ซึ่งรวมถึงการเริ่มออกนโยบายซื้อสินทรัพย์อีกครั้งในเดือนต.ค.

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีกำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 12 ก.ย.ที่จะถึงนี้

-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประสบความพ่ายแพ้ในรัฐสภาวันนี้ หลังจากที่สมาชิกสภาสามัญชน หรือสภาล่างของอังกฤษ ลงมติด้วยคะแนนเสียงเพียง 293 เสียงเห็นชอบต่อญัตติของนายจอห์นสันในการประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด ขณะที่ 46 เสียงไม่เห็นชอบ ส่วนสมาชิกพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน พร้อมใจกันงดออกเสียง

ทั้งนี้ คะแนนเสียงเห็นชอบต่อญัตติดังกล่าวยังคงต่ำกว่า 434 เสียง หรือ 2 ใน 3 จากจำนวนสมาชิกในสภาล่างทั้งหมด 650 เสียง ส่งผลให้ญัตติของนายจอห์นสันตกไป

-- คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือยิงจรวดไม่ทราบชนิดจำนวน 2 ลูกในช่วงเช้าวันนี้ โดยยิงจากพื้นที่ฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ

JCS ระบุว่า จรวดทั้ง 2 ลูกถูกยิงออกจากฐานในจังหวัดพยองกันตอนใต้

ทางด้านกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นยืนยันว่า การยิงจรวดครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า จรวดจะตกลงในเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่นหรือไม่

-- นายฮิโรโตะ ไซคาวะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทนิสสัน มอเตอร์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้วเมื่อวานนี้ โดยจะมีผลในวันที่ 16 ก.ย. เพื่อรับผิดชอบต่อการจับกุมตัวนายคาร์ลอส กอส์น อดีตประธานบริษัท ในข้อหาทุจริตทางการเงิน และหลังจากมีการเปิดเผยว่า นายไซคาวะได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าที่ควรจะได้ ผลการตรวจสอบภายในของนิสสันพบว่า นายไซคาวะได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าที่ควรจะได้ถึง 47 ล้านเยน (438,000 ดอลลาร์) โดยเป็นเงินจากโครงการจ่ายค่าตอบแทนโดยอิงตามราคาหุ้น ส่งผลให้บอร์ดบริหารของบริษัทเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง

-- รัฐบาลฮ่องกงรู้สึกผิดหวังมากขึ้นจากการประท้วงที่ไร้ผู้นำซึ่งส่งผลกระทบต่อถนนสายต่างๆ โดยผู้ประท้วงบางคนกล่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะสิ้นสุดลง หากนางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกงตอบสนองข้อเรียกร้อง 2 ใน 5 ของพวกเขา แต่ไม่มีใครที่เจ้าหน้าที่ของฮ่องกงได้พบปะแล้วสามารถรับประกันได้ว่าผู้ประท้วงที่เหลือจะยอมเลิกการประท้วง

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความไม่แน่นอน แต่นายลีกาชิงก็จะยังเดินหน้าเรียกร้องให้มีการประนีประนอมกันระหว่างรัฐบาลและผู้ประท้วง โดยนายลี วัย 91 ปีกล่าวว่า หากการประท้วงยังคงดำเนินต่อไป ก็จะเป็นสิ่งที่แย่มาก เขาเป็นห่วง และหวังว่า คนหนุ่มสาวจะสามารถพิจารณาภาพรวมได้ และ ผู้นำรัฐบาลก็สามารถที่จะมีเมตตากับเจ้าของอนาคตของฮ่องกงได้

-- ในการอภิปรายกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่นั้น ก็มีหลักฐานจำนวนมากที่แสดงว่า เศรษฐกิจอาจตกต่ำลงแล้ว โดยหลังจากการขยายตัว 2 ปี บรรดาโรงงานของสหรัฐก็เริ่มประสบปัญหา เนื่องจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายด้านทุน และข้อมูลเศรษฐกิจเริ่มอ่อนแอลง ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ดำเนินนโยบายการค้า, การปรับลดภาษีและการลดระเบียบขั้นตอนทางราชการ แต่คำมั่นสัญญาทางเศรษฐกิจที่สำคัญของปธน.ทรัมป์ก็คือ การย้ายฐานการผลิตกลับสู่สหรัฐ แต่ในการลงเลือกตั้งสมัยที่ 2 นั้น ปธน.ทรัมป์อาจทำลายการฟื้นตัวของภาคการผลิต และทำลายภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุดของเขาสำหรับการลงเลือกตั้งสมัยสอง

-- สัญญาฟิวเจอร์สในตลาดเอเชียบ่งชี้ถึงการเริ่มซื้อขายที่ไร้ทิศทางในวันนี้ หลังจากหุ้นสหรัฐอ่อนแรงลง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นในยุโรปและสหรัฐ โดยหุ้นสหรัฐที่หนุนการทะยานขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เช่น กลุ่มเฮลธ์แคร์, กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง โดยราคาพันธบัตรเยอรมนีนำตลาดลดลง และอัตราผลตอบแทนระยะยาวเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้าซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงิน ส่วนทางด้านการค้านั้น นายสตีเวน มนูชินรมว.คลังสหรัฐกล่าวก่อนหน้านี้ว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมาก"

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ออสเตรเลียเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนส.ค.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB), ฝรั่งเศสเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค., อังกฤษเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ค. และ สหรัฐเปิดเผยความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนส.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) และ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค., ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากเวสต์แพค, จีนเตรียมเปิดเผยยอดขายรถเดือนส.ค. และ สหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. และ สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ