World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 12 กันยายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 12, 2019 08:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 227.61 จุด หรือ 0.85% เมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐบาลจีนเปิดเผยรายชื่อสินค้าของสหรัฐที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า ก่อนที่การเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศจะเปิดฉากขึ้นในเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาหุ้นแอปเปิล หลังจากบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ iPhone รุ่นใหม่

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อินเวอร์เนส คอนเซลในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของจีนถือเป็นการส่งสัญญาณว่า จีนมีความมุ่งมั่นที่จะคลี่คลายข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐ ก่อนที่การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายจะเปิดฉากขึ้นในเดือนต.ค. ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่า ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงการค้า

-- ประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เปิดเผยผ่านการทวีตข้อความว่า เขาจะเลื่อนการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ จากวันที่ 1 ต.ค. ไปเป็นวันที่ 15 ต.ค. โดยการเลื่อนเก็บภาษีดังกล่าวมีขึ้นตามคำเรียกร้องของนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งตรงกับวันที่ 1 ต.ค.นี้

สัญญาณบวกล่าสุดจากปธน.ทรัมป์ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 143 จุด หรือ 0.53% แตะระดับ 27,287 จุดเช้าวันนี้

-- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน เพื่อหวังปูทางไปสู่การพบปะกับประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ผู้นำอิหร่าน ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวแสดงการสนับสนุนการดำเนินการของปธน.ทรัมป์เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการเจรจากับอิหร่าน

รายงานข่าวดังกล่าวส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 55.75 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.

-- ราคาหุ้นแอปเปิลปิดตลาดพุ่งขึ้น 3.2% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ iPhone ใหม่ 3 รุ่น พร้อมกับตั้งราคา iPhone 11 ต่ำกว่า iPhone XR และตั้งราคาค่าบริการรายเดือนของ Apple TV+ ต่ำกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะดึงดูดสมาชิกจำนวนมาก

-- นายโดมินิค กรีฟ อดีตอธิบดีอัยการอังกฤษ เรียกร้องให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่ศาลฎีกาของสกอตแลนด์มีคำวินิจฉัยเมื่อวานนี้ว่า การตัดสินใจของนายจอห์นสันในการขยายเวลาปิดสมัยประชุมสภา เป็นการละเมิดกฎหมาย

ทั้งนี้ ผู้พิพากษาของศาลฎีกาสกอตแลนด์ระบุว่า คำแนะนำที่นายจอห์นสันกราบทูลสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อขอพระบรมราชานุญาตในการปิดสมัยประชุมสภาตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.จนถึงวันที่ 14 ต.ค. เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

-- ฮ่องกง เอ็กซ์เชนจ์ แอนด์ เคลียริ่ง ลิมิเต็ด (HKEX) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหุ้นฮ่องกง ได้ยื่นข้อเสนอวงเงิน 3.16 หมื่นล้านปอนด์ เพื่อซื้อกิจการของตลาดหุ้นลอนดอน โดยข้อเสนอดังกล่าว รวมถึงหนี้สินมูลค่า 2 พันล้านปอนด์ แต่ขึ้นอยู่กับว่า ลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป (LSEG) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหุ้นลอนดอน จะต้องยกเลิกข้อเสนอในการซื้อกิจการบริษัท Refinitiv ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินของสหรัฐ วงเงิน 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์

ทางด้าน LSEG ระบุว่า ทางบริษัทจะพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว แต่ก็ย้ำว่า LSEG ยังคงมุ่งมั่นที่จะซื้อกิจการ Refinitiv

อย่างไรก็ดี ข้อตกลงดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของทั้งสองฝ่าย

-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะหารือร่วมกันในวันนี้เกี่ยวกับการปรับลดการผลิตน้ำมัน โดยนายเทเมอร์ กาดบาน รมว.น้ำมันอิรัก กล่าวว่า โอเปกได้เคยหารือกันในปีที่แล้วเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.6-1.8 ล้านบาร์เรล/วัน

ทางด้านนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค กล่าวว่า กลุ่มโอเปกและพันธมิตรจะหารือเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมัน แต่ยังไม่มีการเสนอปรับเปลี่ยนโควตาการผลิตน้ำมัน

ทั้งนี้ โอเปกได้บรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยจะปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อ ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของค่าใช้จ่ายในภาคบริการ

-- จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ และการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า โดยมีการคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และประกาศรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย. หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในการประชุมรอบที่แล้วในวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2551

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.ของเยอรมนี และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ของอียู ทางด้านสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ขณะที่อียูเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ค. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ