World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 2, 2019 09:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง 343.79 จุด หรือ 1.28% เมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบธุรกิจของสหรัฐมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยข้อมูลภาคการผลิตที่ซบเซาของสหรัฐได้ฉุดหุ้นบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้น 3M และหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง

-- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 จากระดับ 49.1 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 นั้น บ่งชี้ถึงภาวะการหดตัวในภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2

ภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะหดตัวในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี หลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกัน 35 เดือน

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงเช่นกัน ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง

-- นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ออกมาประณามเกาหลีเหนือที่ยิงขีปนาวุธลงสู่ทะเลตะวันออก หรือทะเลญี่ปุ่น ในช่วงเช้าวันนี้ โดยระบุว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดมติขององค์การสหประชาชาติ (UN)

นายอาเบะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่นายโช ซอน-ฮุย รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือประกาศว่า เจ้าหน้าที่ในระดับคณะทำงานของเกาหลีเหนือและสหรัฐได้ตกลงที่จะจัดการเจรจาด้านนิวเคลียร์ในสัปดาห์นี้

-- ผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงได้ก่อเหตุจลาจลขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยมีการทำลายทรัพย์สินต่างๆ และทำร้ายตำรวจ รวมทั้งการวางเพลิงขึ้นในหลายจุด ส่งผลให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายราย

ผู้ชุมนุมยังได้ทำการเผาธงชาติจีน และมีการบุกทำลายอาคารของรัฐบาล รวมทั้งปล้นสะดมร้านค้าต่างๆ นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังได้ขัดขวางการจราจร โดยเอาถังขยะไปขวางถนน และมีการเผาสิ่งของบนท้องถนน จนทำให้ศูนย์การค้าต้องปิดให้บริการเกือบ 30 แห่ง และปิดสถานีรถไฟฟ้าราว 30 สถานี

ด้านทางการฮ่องกงก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 คนจากการที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยปะทะกับตำรวจในหลายจุดที่ฮ่องกงเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบปีที่ 70 ของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

การประท้วงในช่วงแรกเป็นไปอย่างสงบ แต่ต่อมาได้เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างระเบิดเพลิงเข้าใส่ตำรวจ ขณะที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา และฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายการชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ประท้วงได้ 5 ราย พร้อมของกลางเป็นเครื่องวอล์คกี้-ทอล์คกี้, ไฟแช็ค รวมทั้งน้ำมัน 18 ลิตร และขวดเปล่าเพื่อทำระเบิดเพลิง

-- องค์การการค้าโลก (WTO) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของการค้าโลกในปีนี้ สู่ระดับ 1.2% ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

ก่อนหน้านี้ WTO คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่า การขยายตัวของการค้าโลกในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 2.6%

นอกจากนี้ WTO ยังคาดการณ์ว่า การขยายตัวของการค้าโลกในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 2.7% ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.0%

WTO ระบุว่า ความไม่แน่นอนของการทำสงครามการค้า ได้ทำให้ภาคธุรกิจชะลอการลงทุน และลดการจ้างงาน

WTO เปิดเผยว่า ความขัดแย้งทางการค้าสร้างความเสี่ยงในช่วงขาลงมากที่สุด แต่ภาวะตื่นตระหนกของเศรษฐกิจมหภาค และความผันผวนทางการเงินก็เป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้ช่วงขาลงรุนแรงขึ้น

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความ โจมตีนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังการเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี และหดตัวเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ย.

"ตามที่ผมได้ทำนายไว้ นายเจอโรม พาวเวล และเฟดได้ปล่อยให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินทุกสกุล ทำให้ผู้ผลิตของเราได้รับผลกระทบ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่สูงเกินไป พวกเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขาเอง และพวกเขายังไม่รู้ตัว ช่างน่าสมเพชจริงๆ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค. โดยตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.

เมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐลดลง 1.9% ในเดือนส.ค.

การใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ขณะที่การใช้จ่ายในโครงการที่อยู่อาศัยทรงตัวในเดือนส.ค. หลังจากลดลงติดต่อกัน 4 เดือน ส่วนการใช้จ่ายในโครงการที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย ลดลง 1.0% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว หลังจากลดลง 1.6% ในเดือนก.ค.

-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมเปิดเผยข้อเสนอในการออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ต่อสหภาพยุโรป (EU) ในวันนี้ พร้อมยืนยันว่า หาก EU ไม่รับข้อเสนอดังกล่าว อังกฤษก็จะไม่เจรจาเพิ่มเติม และจะออกจาก EU ตามกำหนดเดิมคือวันที่ 31 ต.ค. นี้

นายจอห์นสันเตรียมกล่าวในการประชุมว่า เขาจะส่งข้อเสนอดังกล่าวให้กับ EU ซึ่งเป็นความพยายามที่จะรักษาข้อตกลง เพื่อให้อังกฤษออกจาก EU อย่างราบรื่นมากที่สุด

ทั้งนี้ เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่ชาวอังกฤษลงมติให้ออกจาก EU ในปี 2559 แต่การเจรจากับ EU ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

-- สหรัฐเตรียมเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนส.ค. ขณะที่มาร์กิตเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.ของฝรั่งเศส, เยอรมนี, อียู, อังกฤษ และสหรัฐ ด้านอียูจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. ส่วนสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ