World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 28, 2019 09:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามร่างกฎหมายสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง แม้ว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจสร้างความไม่พอใจให้กับจีน ในช่วงเวลาที่สหรัฐและจีนยังคงเดินหน้าเจรจาการค้า

ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมาย "Hong Kong Human Rights and Democracy Act" โดยกฎหมายดังกล่าวจะคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบในการทำลายเสรีภาพขั้นพื้นฐานและการปกครองตนเองในฮ่องกง นอกจากนี้ ร่างกฎหมายจะกำหนดให้มีการทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง ภายใต้กฎหมายของสหรัฐ โดยการทบทวนดังกล่าวจะพิจารณาถึงประเด็นที่ว่า ฮ่องกงได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างเพียงพอจากจีนหรือไม่

-- Crisil Infrastructure Advisor ระบุว่า นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย จำเป็นต้องทุ่มเงินล้านล้านดอลลาร์ในการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน หากต้องการที่จะทำให้เศรษฐกิจของอินเดียฟื้นตัวขึ้น โดยอินเดียจะต้องจ่ายเงิน 235 ล้านล้านรูปี (3.3 ล้านล้านดอลลาร์) ในการฟื้นฟูระบบโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 10 ปีข้างหน้าเพื่อให้เศรษฐกิจโตขึ้นกว่าระดับ 7.5%

-- YouGov เปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มผลการเลือกตั้งทั่วประเทศของอังกฤษในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ พบว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะชนะการเลือกตั้งโดยมีเสียงข้างมากถึง 68 เสียง ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 32 ปีของพรรคอนุรักษ์นิยม นับตั้งแต่นางมาร์กาเรต แทตเชอร์ ชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 3 ในปี 2530

การได้รับเสียงข้างมากดังกล่าวจะทำให้นายจอห์นสันสามารถผลักดันข้อตกลงการแยกอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอังกฤษได้ภายในวันที่ 31 ม.ค. 2563 และอาจทำให้เขามีอิสระที่จะทำการประนีประนอมในการเจรจากับสหภาพยุโรป (EU)

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางในช่วงเดือนต.ค.จนถึงกลางเดือนพ.ย. และแนวโน้มการเติบโตยังเป็นบวก ขณะที่ตลาดแรงงานทั่วประเทศยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงงานยังไม่เพียงพอรองรับความต้องการของนายจ้าง

รายงานระบุว่า กลุ่มผู้ค้าปลีกรายงานว่าต้นทุนปรับตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร และคาดว่าจะเป็นสาเหตุให้บริษัทต่างๆปรับขึ้นราคาสินค้า

-- กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. จากระดับเดือนก.ย. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ยอดการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น 0.7% สำหรับสาเหตุที่ทำให้ยอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นนั้นมาจากค่าไฟและค่าแก๊สที่เพิ่มขึ้น ทั้งที่ใกล้จะถึงวันหยุดตามเทศกาล

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 อย่างไรก็ดี วอลุ่มการซื้อขายค่อนข้างบางเบา เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,164.00 จุด เพิ่มขึ้น 42.32 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,153.63 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด หรือ +0.42% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,705.17 จุด เพิ่มขึ้น 57.24 จุด หรือ +0.66%

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2562 ที่ระดับ 2.1% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 1.9% โดยได้แรงหนุนจากมูลค่าของสินค้าคงคลังและการลงทุนในโครงสร้างที่ได้รับการปรับทบทวนเพิ่มขึ้น

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยอียูเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.และยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, ญี่ปุ่นเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค., เยอรมนีเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ฝรั่งเศสเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และอียูเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค.

-- ตลาดหุ้น ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และตลาดปริวรรตเงินตราของสหรัฐ ปิดทำการในวันนี้ (28 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า โดยตลาดจะเปิดทำการซื้อขายตามปกติอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 29 พ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ