World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 3, 2019 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 268.37 จุด หรือ 0.96% เมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยอ้างว่าทั้งสองประเทศได้ลดค่าเงินลงอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเกษตรกรของสหรัฐ

-- จีนได้หลีกเลี่ยงที่จะใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องกับการค้าในการดำเนินการครั้งแรกเพื่อตอบโต้สหรัฐที่ออกกฎหมายสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง โดยจีนเลือกที่จะดำเนินมาตรการลงโทษองค์กรสิทธิมนุษยชน และห้ามไม่ให้เรือรบของสหรัฐเข้ามาจอดเทียบท่าในฮ่องกง

นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า องค์กรต่างๆ ของสหรัฐที่จะถูกคว่ำบาตรนั้นรวมถึง องค์กร National Endowment for Democracy, องค์กร Human Rights Watch และองค์กร Freedom House และนางหัวยังระบุด้วยว่า จีนจะห้ามไม่ให้เรือรบของสหรัฐเข้าจอดเทียบท่าเรือในฮ่องกงด้วย ทั้งนี้เพื่อคัดค้านการที่สหรัฐออกกฎหมายสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกงซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้ลงนามเป็นกฎหมายเมื่อวันพุธที่แล้ว

-- ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอลูมิเนียมครั้งใหม่จากบราซิลและอาร์เจนตินา ซึ่งสร้างความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าทั่วโลก ขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นหลังพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.เมื่อวันจันทร์ หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น, ออสเตรเลียและเกาหลีใต้เปิดตลาดร่วงลงเช้านี้ตามตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งถูกกดดันหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 48.3 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.4 โดยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4

-- คณะกรรมการอุทธรณ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) จะยุติการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.นี้ เมื่อกรรมการ 1 ใน 3 คนที่เหลืออยู่วางแผนที่จะลาออกจากตำแหน่ง โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า นายโธมัส แกรแฮม ประธานคณะกรรมการอุทธรณ์ของ WTO เปิดเผยว่า เขาจะไม่ทำการพิจารณาข้อพิพาทใดๆ หลังจากวันที่ 11 ธ.ค.นี้ เมื่อวาระการดำรงตำแหน่งของเขาสิ้นสุดลง ซึ่งตามปกตินั้น กรรมการซึ่งวาระการดำรงตำแหน่งสิ้นสุดลงก็ยังคงสามารถทำการไต่สวนคดีพิพาทที่ค้างอยู่ได้

ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวของนายแกรแฮมจะส่งผลให้การทำงานของคณะกรรมการอุทธรณ์หยุดชะงัก ท่ามกลางภาวะตึงเครียดด้านความสัมพันธ์พหุภาคีทั่วโลกที่เกิดจากนโยบายปกป้องการค้า

-- ฝ่ายนิติบัญญัติของพรรครีพับลิกันได้เปิดเผยรายงานสรุปว่า การสอบสวนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่นำโดยพรรคเดโมแครตไม่สามารถเอาผิดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จนถึงขั้นถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งได้ และเป็นการแสดงให้เห็นว่า ข้าราชการที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งไม่เห็นด้วยกับสไตล์การทำงานของปธน.ทรัมป์ รวมถึงมุมมองต่อสถานการณ์โลกและการตัดสินใจด้านนโยบายต่างประเทศของปธน.ทรัมป์

สมาชิกพรรครีพับลิกันในคณะกรรมการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยรายงานสรุปดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ หลังจากสมาชิกพรรคเดโมแครตในคณะกรรมการดังกล่าวได้ให้สมาชิกทำการทบทวนรายงานส่วนใหญ่หลังการรวบรวมหลักฐานและสัมภาษณ์พยานเป็นเวลา 2 เดือนเกี่ยวกับกรณีที่ปธน.ทรัมป์ติดต่อกับรัฐบาลยูเครน และคาดว่าพรรคเดโมแครตจะเปิดเผยรายงานสรุปดังกล่าวในการไต่สวนสาธารณะครั้งแรกของคณะกรรมการตุลาการในวันพุธนี้

-- คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเป็น 100% ในวงเงินราว 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้ฝรั่งเศสที่วางแผนเก็บภาษีดิจิทัลจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ อาทิ อเมซอน กูเกิล แอปเปิล และเฟซบุ๊ก

นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยว่า เขาได้เสนอให้รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากฝรั่งเศสเพิ่มเติม ในวงเงิน 2.4 พันล้านดอลลาร์ โดยระบุว่า ผลการตรวจสอบนโยบายภาษีการบริการด้านดิจิทัลของฝรั่งเศสพบว่า เป็นนโยบายที่ "ไม่สมเหตุสมผล" และ "เลือกปฏิบัติ"

-- ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ผู้นำบราซิล กล่าววานนี้ว่า เขาจะหารือกับนายเปาโล กูเดส รมว.เศรษฐกิจ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอลูมิเนียมจากบราซิลและอาร์เจนตินา

นายโบลโซนารูยังกล่าวว่า เขาจะทำการเจรจาโดยตรงกับปธน.ทรัมป์ หากมีความจำเป็น

-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ปี 2562 ขยายตัว 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ได้เปิดเผยเมื่อช่วงปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ประเพิ่มการประเมินตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและการส่งออกโดยรวม โดยระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายภายในประเทศขยายตัว 0.2% ในไตรมาส 3 ซึ่งดีกว่าการประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่าขยายตัวเพียง 0.1% ขณะที่การส่งออกขยายตัว 4.6% ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.5% จากตัวเลขประมาณการเบื้องต้น

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, อียูเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

          ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนพ.ย., ออสเตรเลียเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562, จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.จากไฉซิน, ฝรั่งเศสเปิดเผย         ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, เยอรมนีเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, อียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, อังกฤษเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.จากมาร์กิต และสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ