World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 13, 2019 09:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สื่อต่างประเทศซึ่งรวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้อนุมัติในหลักการแล้วสำหรับการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้จีนรอดพ้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มอีก 15% วงเงินราว 1.60 แสนล้านดอลลาร์ที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้

แหล่งข่าวระบุว่า ข้อตกลงที่ได้บรรดาที่ปรึกษาด้านการค้าได้ยื่นให้ปธน.ทรัมป์อนุมัตินั้น ครอบคลุมถึงการที่จีนให้คำมั่นสัญญาว่าจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้มีการหารือกันเกี่ยวกับการลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า เงื่อนไขต่างๆ ของข้อตกลงนั้นได้รับความเห็นชอบแล้วจากทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำการสรุปในข้อกฎหมาย

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงในหลักการสำหรับดีลการค้าเฟสแรกกับจีนแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.นี้

-- เอ็กซิทโพลซึ่ง Ipsos Mori ทำร่วมกับสกาย นิวส์, บีบีซี และไอทีวี ระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีคะแนนนำเหนือพรรคแรงงาน และมีแนวโน้มที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้

เอ็กซิทโพลระบุว่า ขณะนี้พรรคอนุรักษ์นิยมได้ที่นั่ง 368 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งทั้งหมดในสภา 650 ที่นั่ง ขณะที่พรรคแรงงานได้ที่นั่งเพียง 191 ที่นั่ง ซึ่งบ่งชี้ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายจอห์นสันมีโอกาสได้ครองเสียงข้างมากในสภาอังกฤษ ทั้งนี้ หากผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการออกมาว่าพรรคอนุรักษ์นิยมได้รับชัยชนะ ย่อมหมายความว่าอังกฤษจะเดินหน้าแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แต่หากพรรคแรงงานตีตื้นขึ้นมาจนได้รับชัยชนะในท้ายที่สุด ก็จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อการแยกตัวดังกล่าว เนื่องจากทางพรรคมีนโยบายจัดการลงประชามติครั้งใหม่เกี่ยวกับ Brexit

-- คณะกรรมาธิการตุลาการประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐทำการอภิปรายเมื่อคืนนี้เกี่ยวกับ 2 ญัตติในการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสภาคองเกรส

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการตุลาการจะลงมติต่อญัตติดังกล่าว และหากคณะกรรมาธิการให้การอนุมัติต่อทั้ง 2 ญัตติ ก็จะมีการยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแบบเต็มคณะในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะทำให้ปธน.ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐเป็นรายที่ 3 ที่จะถูกสภาคองเกรสพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง

หากสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นพ้องกันว่าปธน.ทรัมป์มีการใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสภาคองเกรส วุฒิสภาสหรัฐก็จะรับหน้าที่ไต่สวนปธน.ทรัมป์ในเดือนหน้า

อย่างไรก็ดี การที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทำให้ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มรอดพ้นจากการถูกถอดถอนในครั้งนี้

-- นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ สู่ระดับ 1.2% จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 1.1% แต่ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวในปี 2563 สู่ 1.1% จากเดิมที่ระดับ 1.2% และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.4% ในปี 2564-2565

-- สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า เศรษฐกิจกัมพูชามีแนวโน้มขยายตัว 7.1% ในปีนี้

สมเด็จฮุนเซนระบุว่า สันติภาพและเสถียรภาพทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ผลักดันการขยายตัวของประเทศ

ทางด้านธนาคารโลกออกรายงานระบุว่า เศรษฐกิจกัมพูชายังคงมีความแข็งแกร่ง โดยได้ปัจจัยหนุนจากการส่งออกที่สดใส และอุปสงค์จำนวนมากในประเทศ

-- ราคาหุ้นของบริษัทซาอุดี อารามโค พุ่งขึ้น 10% ชนเพดานการซื้อขายเป็นวันที่ 2 ในตลาดหุ้นซาอุดีอาระเบียเมื่อวานนี้ แตะระดับ 38.7 ริยาล (10.32 ดอลลาร์) ต่อหุ้น ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัททะลุระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ และยังคงทำสถิติเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดของโลก

มูลค่าตลาดล่าสุดของอารามโคสูงกว่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับไมโครซอฟท์และแอปเปิล ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 2 และ 3 ของโลก

-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของนางคริสติน ลาการ์ด ในฐานะประธาน ECB คนใหม่ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% โดยเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

นอกจากนี้ ECB ระบุว่า จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไป หรือปรับลดลง จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเข้าใกล้เป้าหมายของ ECB

ขณะเดียวกัน ECB ย้ำว่าจะเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดย ECB จะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน ขณะที่ ECB จะดำเนินโครงการ QE เป็นระยะเวลานานเท่าที่มีความจำเป็น และจะยุติโครงการ QE ก่อนที่ ECB จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

-- ธนาคารกลางตุรกีประกาศหั่นอัตราดอกเบี้ย 2.00% ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ สู่ระดับ 12.00% โดยเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะถดถอย

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1.50%

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 49,000 ราย แตะระดับ 252,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2560 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 213,000 ราย

ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. ดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวของราคาพลังงานและอาหาร แต่ถูกหักล้างจากการปรับตัวลงของราคาในภาคบริการ

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ทางการจีนเตรียมรายงานตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเดือนพ.ย. เวลา 14.00 น. ตามเวลาไทย ต่อด้วยยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนพ.ย. เวลา 16.00 น.

สหรัฐมีกำหนดรายงานยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. เวลา 20.30 น. ต่อด้วยสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. เวลา 22.00 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ