World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 16 ธันวาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 16, 2019 08:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนเช้านี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากสหรัฐประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยจีนตกลงจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐสัญญาว่าจะไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ตามแผนที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา

-- นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันในการเจรจาการค้าเฟสที่สองระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งคำกล่าวของนายไลท์ไฮเซอร์ขัดแย้งกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐและจีนจะเริ่มการเจรจาข้อตกลงการค้าเฟสสองโดยทันที แทนที่จะรอจนกว่าหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า

นายไลท์ไฮเซอร์กล่าวว่า คาดว่าสหรัฐและจีนหวังจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในช่วงต้นเดือนม.ค. 2563 ส่วนการเจรจาข้อตกลงการค้าเฟสที่สองนั้น ยังไม่มีการกำหนดวัน และจะขึ้นอยู่กับว่าการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกของทั้งสองฝ่ายจะเป็นเช่นไร

นอกจากนี้ นายไลท์ไฮเซอร์ยังแสดงความเห็นว่า การที่สหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด

-- สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลจีนวางแผนที่จะกำหนดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำลงสู่ระดับราว 6% ในปี 2563 จากระดับ 6-6.5% ในปีนี้ โดยจะพึ่งพาการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในด้านสาธารณูปโภคของรัฐเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรุนแรง

สื่อระบุว่า ผู้นำจีนกำลังพยายามที่จะสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้ประชาชนตกงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางสังคมตามมา แต่พวกเขาก็กำลังเผชิญแรงกดดันในการรับมือกับความเสี่ยงด้านหนี้สินที่เกิดจากนโยบายอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

-- จับตาสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก จะทำการลงมติอนุมัติ 2 ข้อหาในการชี้มูลความผิด เพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐออกจากตำแหน่ง ในสัปดาห์นี้ ซึ่งก็คาดว่าสภาผู้แทนฯ จะทำการอนุมัติข้อหาดังกล่าวอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ข้อหาแรกได้แก่ การที่ปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจในทางมิชอบ และข้อหาที่สองได้แก่ การขัดขวางกระบวนการสอบสวนของรัฐสภาเพื่อถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ถูกเปิดการไต่สวนจากกรณีที่เขาโทรศัพท์ไปกดดันรัฐบาลยูเครนให้เปิดการสอบสวนนายโจ ไบเดน คู่แข่งทางการเมืองจากพรรคเดโมแครต

-- กลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงค่ำวานนี้ ในขณะที่นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เดินทางไปยังกรุงปักกิ่งของจีน โดยคาดว่านางลัมจะเข้าพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆของจีน เพื่อรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงในฮ่องกงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ถนนหลายสายในย่านมงก๊ก ซึ่งเป็นย่านที่นักท่องเที่ยวรู้จักในชื่อของตลาดกลางคืนนั้น ได้ถูกกลุ่มผู้ประท้วงปิดกั้น นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังได้ขว้างปาขวดแก้วและสิ่งของอื่นๆเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุบทำลายสัญญาณไฟจราจร และจุดไฟเผากล่องกระดาษเพื่อปิดกั้นถนน จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม และใช้เครื่องกระจายเสียงเพื่อเตือนไม่ให้ผู้ประท้วงกระทำการใดๆที่เกินขอบเขต

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยจีนเตรียมเปิดเผยราคาบ้านเดือนพ.ย., การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ขณะที่มาร์กิตเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.ของหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐ ฝรั่งเศส เยอรมนี อียู และอังกฤษ ทางด้นสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค. จากเฟดนิวยอร์ก และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานการประชุม ขณะที่อังกฤษเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ย. และอียูเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ