World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 20, 2020 09:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 115.84 จุด หรือ 0.40% เมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า จีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 โดยมาตรการดังกล่าวอาจรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ Loan Prime Rate (LPR) ในวันนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

-- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ Loan Prime Rate (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 4.05% สำหรับเดือนก.พ. และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.05% สู่ระดับ 4.75%

การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ทั้งสองประเภทมีขึ้นในช่วงเวลาที่จีนกำลังรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 28-29 ม.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และนโยบายการเงินในปัจจุบันก็มีความเหมาะสมที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

รายงานการประชุมเฟดซึ่งมีการเผยแพร่ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ ระบุว่า แม้ว่าการลงทุนในภาคธุรกิจยังคงอ่อนแอ แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวขึ้นในระดับปานกลาง ส่วนความเสี่ยงต่างๆที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในขณะนี้ มีน้อยกว่าในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ กรรมการเฟดมองว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี ขณะที่การจ้างงานมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง พร้อมกับคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

-- จีนวางแผนที่จะเข้าครอบครองกลุ่มบริษัท HNA Group และตัดขายสินทรัพย์ของบริษัทดังกล่าว ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งใหญ่ของจีนในการควบคุมความเสียหายทางเศรษฐกิจซึ่งได้ผลกระทบจากโควิด-19 โดยในขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 70,000 รายทั่วโลก

-- บริษัทการเงินในสิงคโปร์และฮ่องกงได้ชะลอการจ้างงานใหม่ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างหนัก รวมถึงสภาพการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวยหลายประการในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกักตัว ข้อกำหนดในการเดินทาง การทำงานจากบ้าน หรือการลดการพบปะกันแบบตัวต่อตัวเพื่อเลี่ยงการติดเชื้อ

-- สื่อต่างประเทศรางานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า จีนซื้อสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรจากสหรัฐอีกครั้ง หลังจากที่ได้เปิดเผยรายชื่อผลิตภัณฑ์ที่จะมีการยกเว้นภาษี โดยผู้ซื้อได้ทำการเสนอราคาซื้อข้าวฟ่างสหรัฐที่จะส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ พร้อมเสนอราคาซื้อถั่วเหลือง

-- นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของจีนที่ได้ขับผู้สื่อข่าว 3 รายของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลกลับประเทศ หลังจากที่สื่อดังกล่าวได้ตั้งสมญานามจีนว่าเป็น"คนป่วยที่แท้จริงของเอเชีย"

นายปอมเปโอกล่าวในแถลงการณ์ว่า "สหรัฐขอประณามการขับไล่นักข่าวออกจากประเทศของจีน"

-- บริษัทอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ อิงค์ แถลงว่า ทางบริษัทได้ปิดสำนักงานฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ตั้งอยู่ในลอส แองเจลิส พร้อมกับปลดพนักงานราว 80 คน

"เราได้ปิดสำนักงานสนับสนุนลูกค้าในย่านดาวน์ทาวน์ของลอส แองเจลิส เพื่อทุ่มทรัพยากรของเราไปยังศูนย์สนับสนุนลูกค้าที่มีขนาดใหญ่กว่า" โฆษกอูเบอร์กล่าว

-- นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ระบุในรายงานว่า เศรษฐกิจจีนจะมีการขยายตัวเพียง 3.5% ในไตรมาสแรก หากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

รายงานระบุว่า หากภาคการผลิตไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว ก็จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน

-- IMF คาดว่าจีนจะสามารถสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจจีนดีดตัวขึ้นในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น

IMF เน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างประเทศต่างๆในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 เพื่อควบคุมผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจ และเพิ่มความแข็งแกร่งของความสามารถของประเทศต่างๆในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในวันนี้ เกาหลีใต้เตรียมเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. ออสเตรเลียจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนม.ค. ด้านธนาคารกลางจีนจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ประจำเดือนก.พ. เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จาก GfK อังกฤษเตรียมเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.พ.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค.จาก Conference Board และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. ส่วนฝรั่งเศส เยอรมนี และอียู มีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.พ.จากมาร์กิต ด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ 2 รายการด้วยกันได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.พ.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ