World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 26 มีนาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 26, 2020 09:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) ขานรับข่าวทำเนียบขาวและวุฒิสภาสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่ามาตรการดังกล่าวซึ่งมีวงเงินสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์จะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,200.55 จุด เพิ่มขึ้น 495.64 จุด หรือ +2.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,475.56 จุด เพิ่มขึ้น 28.23 จุด หรือ +1.15% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,384.29 จุด ลดลง 33.56 จุด หรือ -0.45%

-- แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ยักษ์ใหญ่ในอินเดียอย่างอเมซอน, วอลมาร์ท และอาลีบาบา กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังอินเดียประกาศล็อกดาวน์เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

แม้ในหลายประเทศยอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จะพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทาง แต่อินเดียได้ประกาศห้ามไม่ให้รถบรรทุกขนอาหารวิ่งบนทางหลวง พร้อมปิดโกดังและโรงสีข้าว อีกทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้พนักงานส่งสินค้าและอาหารทำงานอีกด้วย

-- สื่อต่างประเทศรายงานว่า วุฒิสภาสหรัฐวางแผนที่จะลงมติมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเที่ยงคืนวันพุธตามเวลาสหรัฐหรือช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาประเทศไทย

มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้รับงบประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบและปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจของสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด

-- ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับสูงสุดในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้านับจากนี้ ซึ่งหลังจากนั้นสถานการณ์จะคลี่คลายลง โดยสหรัฐอาจใช้มาตรการกักตัวแค่เฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง รวมทั้งจะอนุญาตให้ประชาชนจำนวนมากกลับไปทำงานได้ตามปกติ

-- นายหมี่ เฟิง เจ้าหน้าที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ระบุในการแถลงข่าวว่า จีนควรยึดมั่นมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างเข้มงวดต่อไป แม้จะผ่านจุดวิกฤตไปแล้วก็ตาม ขณะที่หลายภาคส่วนในประเทศกลับมาดำเนินงานและการผลิต ส่งผลให้ปริมาณการไหลเวียนของผู้คนเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ มณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นภูมิภาคหลักที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เตรียมยกเลิกข้อบังคับห้ามการเดินทางในทุกพื้นที่ ยกเว้นเมืองอู่ฮั่น ตั้งแต่วันพุธที่ 25 มี.ค. เป็นต้นไป

-- ยุโรปกำลังเผชิญแรงกดดันมากขึ้นในการหาวิธีใหม่ๆ ในการลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในยุโรปซึ่งได้กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ 9 ชาติในยุโรปได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ชาติสมาชิกอื่นๆ เห็นพ้องกันในการออกพันธบัตรโคโรนาบอนด์ ซึ่งจะเป็นตราสารหนี้แบบใหม่ที่จะรวมหลักทรัพย์จากประเทศต่างๆ ในยุโรป

"เราจำเป็นที่จะต้องดำเนินการออกตราสารหนี้เพื่อระดมเงินทุนในตลาดเพื่อประโยชน์ของประเทศสมาชิกทั้งหมด" แถลงการณ์ระบุ

สำหรับ 9 ชาติในยุโรปที่เรียกร้องดังกล่าว ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส เบลเยียม กรีซ โปรตุเกส สเปน ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และลักเซมเบิร์ก

-- คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงวันนี้ว่า ณ วันพุธที่ 25 มี.ค. ไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ที่เกิดจากการแพร่เชื้อในประเทศ แต่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 67 รายที่เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ

สำหรับยอดรวมผู้ติดเชื้อทั้งหมดในจีนอยู่ที่ 81,285 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยจำนวน 3,947 รายที่กำลังอยู่ในระหว่างการรักษา ขณะที่ยอดผู้ป่วยที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหลังจากมีอาการดีขึ้นแล้วนั้นอยู่ที่ 74,051 ราย

ส่วนยอดรวมผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในจีนขณะนี้อยู่ที่ 3,287 ราย

-- นายโรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ หลังจากที่เขาได้ลงนามในกฎหมายดังกล่าวเมื่อวานนี้

กฎหมายฉบับนี้จะให้อำนาจพิเศษแก่นายดูเตอร์เตในการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และในการออกมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสดังกล่าว

การประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 3 เดือน และนายดูเตอร์เตจะต้องรายงานความคืบหน้าในการใช้อำนาจต่อรัฐสภาทุกสัปดาห์

ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 636 ราย และมีผู้เสียชีวิต 38 ราย

-- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเยอรมนีเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากสถาบัน GfK, อังกฤษเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2562 และกำไรภาคเอกชนไตรมาส 4/2562

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค., จีนเตรียมรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ., อังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค.จากเนชั่นไวด์ ขณะที่สหรัฐจะรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ