ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 915.39 จุด หรือ 4.06% เมื่อวันศุกร์ (27 มี.ค.) โดยนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอีกครั้ง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ และจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นแซงหน้าจีน ขณะที่ตลาดแทบไม่ได้แรงหนุน แม้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นวงเงินสูงเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐแล้วก็ตาม
-- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 300 จุดในช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ณ เวลา 06.35 น. ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลง 354 จุด หรือ 1.65% แตะที่ระดับ 21,083 จุด
-- ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 5% ในช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก
ณ เวลา 06.26 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 5.44% แตะที่ระดับ 20.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
-- ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานข้อมูลล่าสุดว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 720,117 ราย และยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 33,925 ราย
รายงานของ CSSE ยังระบุด้วยว่า สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดที่ 140,886 ราย รองลงมาคืออิตาลี 97,689 ราย, จีน 82,122 ราย, สเปน 80,110 ราย ส่วนเยอรมนีมียอดผู้ติดเชื้อขณะนี้อยู่ที่ 62,095 ราย
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศขยายช่วงเวลาในการใช้แนวทางปฏิบัติให้ประชาชนทั่วประเทศเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ปธน.ทรัมป์ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยคำแถลงดังกล่าวครอบคลุมถึงแนวทางปฏิบัติล่าสุดที่แนะนำให้ประชาชนทั่วประเทศเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. จากเดิมที่แนวทางปฏิบัติดังกล่าวจะหมดอายุลงในวันจันทร์ที่ 30 มี.ค.
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ล้มเลิกแผนบังคับใช้มาตรการกักกันโรคในรัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนตทิคัต โดยขอให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ประกาศคำแนะนำด้านการเดินทางในสามรัฐดังกล่าวแทน
ปธน.ทรัมป์ ทวีตว่า ตามคำแนะนำของคณะทำงานด้านไวรัสโคโรนาของทำเนียบขาว และจากการปรึกษากับผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนตทิคัต เขาตัดสินใจขอให้ CDC ประกาศคำแนะนำด้านการเดินทาง ส่วนมาตรการกักกันโรคไม่จำเป็นต้องใช้
หลังจากนั้น CDC ได้โพสต์คำแนะนำด้านการเดินทางผ่านทางเว็บไซต์ โดยระบุให้พลเมืองของทั้งสามรัฐงดเดินทางโดยไม่จำเป็นเป็นเวลา 14 วัน มีผลทันที
-- แอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์ของสหรัฐ ประกาศในวันศุกร์ว่า บริษัทได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) สำหรับการใช้ชุดทดสอบหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งสามารถรู้ผลการติดเชื้อที่เป็นบวกได้ภายในเวลาเพียง 5 นาที และจะเริ่มส่งมอบชุดทดสอบดังกล่าวให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ในสัปดาห์หน้า
แอ๊บบอตระบุในแถลงการณ์ว่า FDA ได้อนุมัติเป็นการฉุกเฉินสำหรับการใช้งานชุดทดสอบดังกล่าว โดยชุดทดสอบดังกล่าวสามารถจะแสดงผลการทดสอบที่เป็นลบหรือไม่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ภายในเวลา 13 นาที
แอ๊บบอตเปิดเผยด้วยว่า บริษัทวางแผนที่จะเร่งการผลิตชุดทดสอบเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อให้สามารถส่งมอบได้ 50,000 ชุดต่อวัน
-- นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในการแถลงข่าววันนี้ว่า การต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกนั้น จะเป็นไปอย่างยืดเยื้อ ขณะที่เขาเรียกร้องให้มีการเฝ้าระวังมากขึ้นที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะพุ่งขึ้นอีกในญี่ปุ่น
นายอาเบะยังได้ให้คำมั่นที่จะจัดทำงบประมาณพิเศษอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะนำไปใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคระบาดดังกล่าว
-- ญี่ปุ่นวางแผนที่จะสั่งห้ามไม่ให้ชาวต่างชาติที่มาจากสหรัฐ จีน เกาหลีใต้ และบางประเทศในยุโรปเข้าประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้สั่งห้ามไม่ให้ผู้ที่เดินทางจากบางภูมิภาคของจีนและเกาหลีใต้เข้าประเทศ อาทิ มณฑลหูเป่ย และเมืองแทกู ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงอีกกว่า 20 ประเทศในยุโรป
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยอังกฤษเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค.จากเนชั่นไวด์ อียูเตรียมเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรรมเดือนก.พ. และยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ขณะที่ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนมี.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. ทางด้านจีนเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการเดือนมี.ค., อังกฤษเตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2562 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ทางด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผย ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จาก Conference Board