World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 22 เมษายน 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 22, 2020 09:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการทรุดตัวของราคาน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก และอัลฟาเบท โดยปัจจัยลบดังกล่าวได้บดบังรายงานเชิงบวกที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐได้ผ่านร่างมาตรการเยียวยาธุรกิจขนาดเล็กในวงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนพ.ค.ปิดดีดตัวขึ้นสู่แดนบวกก่อนครบกำหนดส่งมอบเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 21 ปี เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก

ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดทรุดตัวลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

-- วุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างมาตรการเยียวยาวงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสนับสนุนการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น

ร่างมาตรการเยียวยาฉบับนี้จะเพิ่มวงเงินให้กับโครงการ "Paycheck Protection Program" อีกกว่า 3.10 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้กับธุรกิจขนาดเล็ก โดยมีวัตถุประสงค์ให้ธุรกิจเหล่านี้ยังสามารถจ้างงานต่อไปได้ อีกทั้งยังอัดฉีดเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ และสนับสนับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ด้วย

นอกจากนี้ ร่างมาตรการดังกล่าวจะจัดสรรเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับธุรกิจปล่อยกู้ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการให้ความช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก และจะอัดฉีดเงินอีก 6 หมื่นล้านดอลลาร์ทั้งในรูปแบบของการปล่อยเงินกู้และการช่วยเหลือให้กับหน่วยงานบริหารจัดการธุรกิจขนาดเล็ก (Small Business Administration)

-- รัฐบาลซาอุดีอาระเบียแถลงเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลพร้อมที่จะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมร่วมกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาด

"ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียและรัสเซียมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการปรับลดกำลังการผลิตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า" แถลงการณ์ระบุ

-- นายเควิน แฮสเซทท์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันร่วงลงจนติดลบมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นปัจจัยในระยะสั้น

อย่างไรก็ดี นายแฮสเซทท์เตือนว่า การทรุดตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 2 อาจรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีการรายงาน

"นี่เป็นสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีความน่าวิตก และเรากำลังเตรียมพบกับภาวะช็อกครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ได้เคยพบมา ขณะที่การทรุดตัวของตัวเลข GDP ในไตรมาส 2 อาจรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีการรายงาน เพราะมีการปิดธุรกิจจำนวนมาก" นายแฮสเซทท์กล่าว

-- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 8.5% สู่ระดับ 5.27 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมี.ค.

นักวิเคราะห์เตือนว่ายอดขายบ้านจะดิ่งลงถึง 30-40% ในช่วงเดือนต่อๆไป โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ส่วนสต็อกบ้านในตลาดดิ่งลง 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของบ้านเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 280,600 ดอลลาร์ในเดือนมี.ค.

-- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีดีดตัวสู่ระดับ 28.2 ในเดือนเม.ย. จากระดับ -49.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งขณะนั้นเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -42.3

การดีดตัวของดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนผ่อนคลายความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจเยอรมนี

อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ร่วงลงสู่ระดับ -91.5 จากระดับ -43.1 ในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -77.5

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ อังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ส่วนสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ. รวมถึงสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เยอรมนี, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, อียู และสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จาก GfK ส่วนสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ