World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 29 พฤษภาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 29, 2020 08:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า เขาจะประกาศนโยบายฉบับใหม่ของสหรัฐที่จะดำเนินการกับจีนในวันนี้ หลังจากที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) มีมติเห็นชอบให้มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง

ปธน.ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า "เราจะประกาศนโยบายที่เราจะดำเนินการกับจีนในวันศุกร์นี้ เราไม่พอใจในสิ่งที่จีนทำ และเราไม่พอใจในสิ่งที่เกิดขึ้น" ปธน.ทรัมป์กล่าว

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อสั่งการให้คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐ (FCC) ดำเนินการทบทวนเนื้อหาในมาตรา 230 ของกฎหมาย "Communications Decency Act" ซึ่งเป็นกฎหมายที่ช่วยให้แพลตฟอร์มออนไลนได้รับการยกเว้นจากพันธกรณีทางกฎหมายในกรณีที่ผู้ใช้งานโพสต์ข้อความต่างๆ ลงบนแพลตฟอร์ม

คำสั่งดังกล่าวจะให้อำนาจ FCC ในการจัดการกับบริษัทโซเชียลมีเดียที่เผยแพร่ข่าวสารที่มีเนื้อหา "หลอกลวง" และยังสามารถจัดตั้งคณะทำงานของอัยการรัฐ เพื่อทำการทบทวนกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่งคำสั่งขายเข้ามาในช่วงท้ายตลาด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า เขาจะประกาศนโยบายฉบับใหม่ของสหรัฐที่จะดำเนินการกับจีนในวันนี้ เนื่องจากไม่พอใจที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ หลังจากปธน.ทรัมป์ลงนามในคำสั่งทบทวนกฎหมายคุ้มครองบริษัทโซเชียลมีเดีย

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนบวก ขานรับความหวังที่ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลของประเทศต่างๆเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดทางให้ภาคธุรกิจกลับมาดำเนินการอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี นักลงทุนได้ส่งคำสั่งขายเข้ามาในช่วงท้ายตลาด หลังจากปธน.ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เขาจะประกาศนโยบายฉบับใหม่ของสหรัฐที่จะดำเนินการกับจีนในวันนี้ หลังจากที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) มีมติเห็นชอบให้มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง

-- จับตาตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ คาดการซื้อขายเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐกับจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า เขาจะประกาศนโยบายฉบับใหม่ของสหรัฐที่จะดำเนินการกับจีนในวันนี้ เนื่องจากไม่พอใจที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง

-- แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลสหรัฐมีแผนที่จะยกเลิกวีซ่าของนักวิจัยของจีน รวมทั้งนักศึกษาจีนจำนวนหลายพันคนที่จบการศึกษาในสหรัฐ และมีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยของจีนที่มีความสัมพันธ์กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA)

การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อนักศึกษาจีนจำนวน 3,000-5,000 คนจากทั้งหมดที่กำลังศึกษาในสหรัฐจำนวน 360,000 คน ซึ่งนักศึกษาจีนที่ถูกยกเลิกวีซ่าจะต้องเดินทางกลับประเทศ และผู้ที่อาศัยอยู่นอกสหรัฐจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าสหรัฐ

สื่อรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอาจประกาศเรื่องดังกล่าวในสัปดาห์นี้

แหล่งข่าวระบุว่า เป้าหมายของการดำเนินการในครั้งนี้ก็เพื่อกวาดล้างการจารกรรมและขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งชาวจีนอาจกระทำผ่านมหาวิทยาลัยของสหรัฐ

อย่างไรก็ดี มหาวิทยาลัยของสหรัฐอาจคัดค้านการดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากนักศึกษาจีนสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่สหรัฐมากถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่มาจากค่าเล่าเรียน และค่าธรรมเนียมต่างๆ

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 1,745,911 ราย และมีผู้เสียชีวิต 102,114 ราย

ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต

รัฐนิวยอร์กถือเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยมีผู้ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ จำนวน 374,672 ราย และเป็นจำนวนที่มากกว่าทุกประเทศในโลก

นอกจากนี้ รัฐนิวยอร์กยังมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 29,553 ราย

-- ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 5,813,004 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 357,889 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (1,745,911) รองลงมาคือบราซิล (414,661), รัสเซีย (379,051), สเปน (283,849), สหราชอาณาจักร (267,240) และอิตาลี (231,139)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (102,114) ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร (37,460), อิตาลี (33,072), ฝรั่งเศส (28,596) และสเปน (27,118)

-- กระทรวงสาธารณสุขบังกลาเทศเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 2,029 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่การแพร่ระบาดเริ่มขึ้นในวันที่ 8 มี.ค. ส่งผลให้ขณะนี้บังกลาเทศมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวม 40,321 ราย

นอกจากนี้ บังกลาเทศมีผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 15 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวม 559 ราย

-- กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 539 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดในประเทศ ส่งผลให้ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวม 15,588 ราย

นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์มีผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 17 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวม 921 ราย

-- EasyJet ซึ่งเป็นสายการบินของอังกฤษ ประกาศแผนปลดพนักงานจำนวน 4,500 ราย และลดจำนวนเครื่องบินเพื่อรองรับตลาดการบินที่มีขนาดเล็กลง หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ปัจจุบัน EasyJet มีพนักงานมากกว่า 15,000 รายใน 8 ประเทศทั่วยุโรป

-- นายซูราบ โพโลไลคาชวิลิ เลขาธิการองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) กล่าวว่า การท่องเที่ยวระหว่างประเทศมีแนวโน้มดิ่งลงถึง 70% ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในทศวรรษ 1950

นายโพโลไลคาชวิลิกล่าวว่า ภาวะซบเซาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะสร้างความเสี่ยงต่อการจ้างงานราว 110 ล้านตำแหน่งทั่วโลก

อย่างไรก็ดี นายโพโลไลคาชวิลิระบุว่า การท่องเที่ยวในดินแดนที่ห่างไกลจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวที่มักมีคนไปอย่างหนาแน่นจะซบเซาลง

-- นายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า มีสัญญาณทางเศรษฐกิจที่น่าพึงพอใจในรัฐต่างๆซึ่งกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจมีการดีดตัวอย่างแข็งแกร่ง

"เศรษฐกิจสหรัฐทยอยกลับมาเปิดใหม่ในเดือนนี้และเดือนหน้า ซึ่งถือเป็นช่วงการเปลี่ยนผ่าน และเราได้เห็นความหวัง ท่ามกลางความยากลำบาก" นายคุดโลว์กล่าว

ขณะนี้ทั้ง 50 รัฐในสหรัฐต่างก็ได้กลับมาเปิดเศรษฐกิจใหม่แล้ว หลังมีการประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 5% ซึ่งย่ำแย่กว่าที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัวลง 4.8% โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ติดลบ นับตั้งแต่ที่มีการรายงานว่าเศรษฐกิจหดตัว 1.1% ในไตรมาส 1/2557 และเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจหดตัว 8.4% ในไตรมาส 4/2551 ซึ่งขณะนั้นสหรัฐกำลังเผชิญวิกฤตการเงิน

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 2.1 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.05 ล้านราย

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าว บ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้ชาวอเมริกันตกงานสูงถึง 40 ล้านรายนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ถือว่าต่ำที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว และมีการชะลอตัวติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 นับตั้งแต่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.9 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 17.2% ในเดือนเม.ย. หลังจากร่วงลง 16.6% ในเดือนมี.ค.

การทรุดตัวของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนเม.ย. ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการจำกัดการเดินทาง ส่งผลให้ยอดสั่งซื้อในหมวดขนส่งทรุดตัวลง 47.3%

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ฝรั่งเศสเตรียมรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 เวลา 13.45 น. ตามเวลาไทย

สหรัฐเตรียมรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย. เวลา 19.30 น. จากนั้นมหาวิทยาลัยมิชิแกน จะรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. เวลา 21.00 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ