World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 15, 2020 08:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะผู้เลือกตั้งสหรัฐ (Electoral College) ได้ลงคะแนนเสียงให้นายโจ ไบเดน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะทำให้นายไบเดนก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46

คณะผู้เลือกตั้งได้จัดการประชุมในแต่ละรัฐทั้งหมด 50 รัฐ เพื่อหย่อนบัตรเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันจันทร์ (14 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่สื่อระบุว่า นายไบเดนได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง 306 เสียง ซึ่งมากเกินพอสำหรับจำนวนที่ต้องการ 270 เสียงในการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เพียง 232 เสียง

-- บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ทางบริษัทได้รับแจ้งจากสำนักงานเวชภัณฑ์ยุโรป (EMA) ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ได้ลักลอบเข้าถึงเอกสารบางส่วนที่เกี่ยวกับการเจรจาก่อนการยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 หลังจากเข้าโจมตีทางไซเบอร์ต่อระบบข้อมูลของ EMA

EMA ซึ่งทำหน้าที่อนุมัติเวชภัณฑ์และวัคซีนสำหรับสหภาพยุโรปเปิดเผยเมี่อต้นเดือนนี้ว่า EMA ได้ตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งทำให้กลุ่มแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคด้วย

-- นายวิลเลียม บาร์ รมว.ยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในสัปดาห์หน้า หลังจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ยืนยันว่านายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

นายบาร์เปิดเผยว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 23 ธ.ค.ก่อนนายไบเดนเข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 ม.ค. 2564 ขณะที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า นายเจฟฟ์ โรเซน รมช.ยุติธรรมสหรัฐจะทำหน้าที่รักษาการแทนนายบาร์

-- รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่า เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ และติ๊กต็อก จะถูกปรับเงินสูงถึง 10% ของรายได้ หากไม่สามารถกำจัดหรือลบการเผยแพร่คอนเทนต์ที่ผิดกฎหมาย

รัฐบาลอังกฤษระบุว่า แพลตฟอร์มต่างๆ ดังกล่าวจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อปกป้องเด็กๆ จากการถูกกลั่นแกล้ง และจากสื่อลามกอนาจาร เพื่อรับประกันความปลอดภัยของเด็กๆ ในระบบออนไลน์

-- สหรัฐเริ่มการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ให้แก่ประชาชนเมื่อวานนี้ โดยผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรกได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ในบ้านพักคนชรา โดยการฉีดวัคซีนดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้ให้การอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และบริษัทไบโอเอ็นเทค เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ลงนามอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ให้กับชาวอเมริกันอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มการฉีดวัคซีนเมื่อวานนี้

-- นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษเปิดเผยว่า รัฐบาลจะยกระดับการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สำหรับกรุงลอนดอนสู่ระดับ tier 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด โดยการปรับเพิ่มอันดับดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันพุธนี้

ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษได้กลับมาใช้ระบบ tier สำหรับควบคุมการแพร่ระบาดในภูมิภาคต่างๆ โดยขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากมีการใช้คำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นรอบที่ 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.

ขณะนี้อังกฤษมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1.8 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 64,000 ราย

-- นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าวว่า รัฐบาลสิงคโปร์ได้ให้การอนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และบริษัทไบโอเอ็นเทคแล้ว และรัฐบาลจะให้บริการฉีดวัคซีนดังกล่าวฟรีสำหรับชาวสิงคโปร์ทุกคน รวมทั้งผู้ที่ได้พำนักอาศัยในสิงคโปร์เป็นระยะเวลานาน

อย่างไรก็ดี นายลีกล่าวว่า ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าวจะเป็นการสมัครใจ และขณะนี้รัฐบาลจะยังไม่ฉีดวัคซีนให้แก่สตรีมีครรภ์ และเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี เพื่อรอข้อมูลยืนยันความปลอดภัยสำหรับกลุ่มดังกล่าว

-- Google ออกแถลงการณ์ระบุว่า ผู้ใช้บริการทั่วโลกสามารถเข้าใช้งาน Google, Gmail และ YouTube ได้ตามปกติแล้ว หลังจากเกิดปัญหาขัดข้องจนส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยสื่อรายงานว่า ระบบการให้บริการได้กลับสู่ภาวะปกติในช่วงเวลา 19.35 น.ตามเวลาไทยวานนี้ หลังจากเกิดปัญหาระบบขัดข้องเมื่อเวลา 18.56 น.

ทั้งนี้ DownDetector รายงานว่ามีผู้แจ้งปัญหาการใช้บริการ YouTube มากกว่า 43,000 ราย ขณะที่มีการแจ้งปัญหาการใช้บริการ Gmail มากกว่า 16,000 ราย

นอกจากนี้ ยังมีการรายงานปัญหาการใช้บริการ Google Drive, Google Docs และ Google Maps

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานการประชุม, จีนเปิดเผยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., อัตราว่างงานเดือนพ.ย., อินโดนีเซียเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ย., อังกฤษเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค., สหรัฐเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเดือนพ.ย.และอัตราว่างงานเดือนพ.ย., ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ย., ออสเตรเลียเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.จากสมาคมอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยแห่งออสเตรเลีย (HIA), ฝรั่งเศส เยอรมนี อียู และอังกฤษเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต และสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 17 ธ.ค.)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ