World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 24, 2020 09:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งความหวังที่ว่าสหรัฐจะสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในท้ายที่สุด แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะไม่ลงนามในมาตรการดังกล่าวก็ตาม โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธนาคาร

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,129.83 จุด เพิ่มขึ้น 114.32 จุด หรือ +0.38%

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐซึ่งเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,878.1 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันเริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 48.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 51.20 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมาแถลงว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 923 ราย ส่งผลให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 118,869 ราย

นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 23 ราย สู่ระดับ 2,507 ราย

-- แหล่งข่าวจากวงการทูตระบุว่า สมาชิก 27 ชาติของสหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มเตรียมการสำหรับกระบวนการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับอังกฤษ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564

ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า อังกฤษและ EU ใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าที่จะมีการบังคับใช้หลังจากอังกฤษแยกตัวจาก EU (Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐซึ่งเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,878.1 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันเริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 48.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 51.20 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สื่อรายงานว่า บริษัทไฟเซอร์ อิงค์จะจัดส่งวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้กับรัฐบาลสหรัฐเพิ่มเติมอีก 100 ล้านโดสภายในเดือนก.ค.ปีหน้า

ทั้งนี้ ไฟเซอร์จะส่งมอบวัคซีนดังกล่าวที่มีการพัฒนาร่วมกับบริษัทไบโอเอ็นเทคอย่างน้อย 70 ล้านโดสให้แก่รัฐบาลภายในวันที่ 30 มิ.ย. 2564 ก่อนที่จะจัดส่งเพิ่มอีก 30 ล้านโดสภายในวันที่ 31 ก.ค.

-- นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ลงนามในร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ จะส่งผลกระทบต่อการดีดตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่มักเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปี หรือที่เรียกว่า "ซานต้า แรลลี่"

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ยังไม่ยอมลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยอ้างว่าต้องการให้มีการเพิ่มจำนวนเงินในเช็คเงินสดที่จะแจกจ่ายให้กับชาวอเมริกันจาก 600 ดอลลาร์ เป็น 2,000 ดอลลาร์ และให้มีการตัดงบรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกจากมาตรการดังกล่าว

-- ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศปลดนายเทราวาน อากัส ปูตรานโต พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุข เนื่องจากนายเทราวานไร้ประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการกล่าวว่า การสวดภาวนาจะช่วยปกป้องประชาชนจากไวรัสดังกล่าว

ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 685,000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 20,400 ราย

-- วันนี้ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ย. และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ