ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ หลังจากสภาคองเกรสสหรัฐประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยให้คณะบริหารของพรรคเดโมแครตสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าตัวเลขคาดการณ์
-- นักลงทุนขานรับข่าวสภาคองเกรสให้การรับรองชัยชนะของนายไบเดน รวมทั้งการที่พรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ทำให้เดโมแครตสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาวและสภาคองเกรส ซึ่งจะเอื้อต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเผชิญแรงกดดันอย่างหนักก่อนที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง หลังจากที่กลุ่มผู้สนับสนุนปธน.ทรัมป์ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยรายงานล่าสุดระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะบริหารของปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง และนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กำลังหารือกันเพื่อผลักดันให้มีการใช้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 (25th Amendment) เพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ
สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายมนูชินและนายปอมเปโอได้จัดการเจรจาอย่างไม่เป็นทางการร่วมกับหน่วยงานของพวกเขา เกี่ยวกับการใช้บทบัญญัติดังกล่าว ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ
-- บิตคอยน์พุ่งทะลุระดับ 40,000 ดอลลาร์ หรือสูงกว่า 1,200,000 บาทเมื่อคืนนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง
ณ เวลา 01.27 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์พุ่งขึ้น 2,334.37 ดอลลาร์ หรือ 6.29% สู่ระดับ 39,447.62 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของ Coin Metrics หลังพุ่งแตะระดับ 40,188 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 87,744,341 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,893,473 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (21,857,616) รองลงมาคืออินเดีย (10,395,938), บราซิล (7,874,539), รัสเซีย (3,332,142), สหราชอาณาจักร (2,836,801), ฝรั่งเศส (2,705,618), ตุรกี (2,283,931) และอิตาลี (2,201,945)
-- กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 9,321 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 797,723 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
-- กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 3,027 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งขึ้นเป็น 128,465 ราย
-- กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมาแถลงว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 594 ราย ส่งผลให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 128,772 ราย
-- นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก กล่าวว่า เฟซบุ๊กจะบล็อกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มิให้โพสต์ข้อความใดๆในบัญชีของเขาอย่างไม่มีกำหนด และอย่างน้อยจนกว่านายโจ ไบเดนจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
-- บริษัททวิตเตอร์ อิงค์แถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ยอมลบ 3 ข้อความที่ผิดกฎระเบียบของทางบริษัทแล้ว ซึ่งจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถเปิดใช้บัญชีทวิตเตอร์ได้อีก หลังจากถูกระงับการใช้งานเป็นเวลา 12 ชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ ทวิตเตอร์ประกาศบล็อกบัญชี @realDonaldTrump ของปธน.ทรัมป์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง เนื่องจากมีการส่งข้อมูลอันเป็นเท็จ และยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความอย่างต่อเนื่องว่า เขาถูกโกงการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.2563 และเรียกผู้ที่บุกเข้าไปยังอาคารรัฐสภาสหรัฐว่า "เป็นผู้ที่รักชาติ" และให้พวกเขา "จดจำวันนี้ไปตลอดกาล!"
-- นายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐ เรียกร้องให้มีการปลดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่งโดยทันที หลังจากที่เขาได้ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวานนี้ เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 787,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 790,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยเป็นการปรับตัวลง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 815,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 57.2 ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวลง 2 เดือนติดต่อกัน จากระดับ 55.9 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 54.6
ดัชนีปรับตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 57.3 ที่ทำไว้ในเดือนก.พ. ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
ดัชนีภาคบริการของสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ แม้การจ้างงานชะลอตัวลง
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ สหรัฐเตรียมรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. เวลา 20.30 น. ตามเวลาไทย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 50,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.8%