World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 17, 2021 09:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร รวมทั้งความหวังที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบเนื่องจากคำสั่งขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

-- สกุลเงินบิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุหลัก 50,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ของวานนี้ (16 ก.พ.) ตามเวลาไทย ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 50,584.85 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,515,000 บาท ก่อนที่จะแผ่วลงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนได้เทขายเพื่อทำกำไร

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวขึ้น 8.6 จุด แตะระดับ 12.1 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9 โดยดัชนีมีค่าเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 เพราะได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ภาคธุรกิจยังคงมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น

-- FTSE Russell ซึ่งเป็นบริษัทจัดทำดัชนีหุ้นของอังกฤษแถลงเมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) ว่า หุ้นของบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะได้รับการเพิ่มเข้ารวมในการคำนวณดัชนี FTSE แบบ Fast Entry เนื่องจากมูลค่าตามราคาตลาดของ OR ยังไม่ผ่านเกณฑ์

อย่างไรก็ดี หุ้นของ OR จะได้รับการรวมในการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ในวันนี้ (17 ก.พ.) และจะได้รับการรวมในการคำนวณดัชนี MSCI Global Standard Indexes ในวันที่ 26 ก.พ.

-- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซน หดตัวลง 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และหดตัวลง 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่า GDP ไตรมาส 4 หดตัวลง 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และหดตัวลง 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ส่วนตลอดปี 2563 ที่ผ่านมานั้น ยูโรสแตทระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัว 6.8%

ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนสู่ระดับ 4.2% ในปีนี้ จากเดิมที่ 5.2%

-- ขิ่น หม่อง ซอ ทนายความของนางอองซาน ซูจี เปิดเผยว่า ตำรวจเมียนมาตั้งข้อหานางซูจีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา หลังจากที่กองทัพเมียนมาได้ควบคุมตัวและยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนของนางซูจี เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา

นางซูจีถูกตั้งข้อหาแรกเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ฐานนำเข้าและใช้วิทยุสื่อสารอย่างผิดกฎหมาย จนเมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) ทนายได้เปิดเผยล่าสุดว่า นางซูจีถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติม ฐานฝ่าฝืนกฎหมายจัดการภัยพิบัติ โดยคาดว่าจะเป็นการทำผิดกฎควบคุมโรคโควิด-19 จากการจัดชุมนุมปราศรัยหาเสียง ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกับประธานาธิบดีวิน มินต์

-- เทสลา อิงค์ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ อาจเลือกสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ที่ประเทศอินเดีย หลังจากที่เคยสร้างโรงงาน Gigafactory ที่ประเทศจีนมาแล้ว เพื่อลดต้นทุนในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้มีราคาขายสู้กับรถยนต์เบนซินได้ ตามเป้าหมายของนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาจากนิตยสารการลงทุน Barron's ซึ่งได้อ้างรายงานข่าวของสำนักข่าวไทมส์ออฟอินเดีย โดยรายงานข่าวอ้างคำพูดของมุขยมนตรีรัฐกรณาฏกะ ซึ่งมีเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดในรัฐคือบังคาลอร์ ว่าเทสลากำลังจะมาแล้ว

อย่างไรก็ดี เทสลายังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นในประเด็นนี้

-- อาดิดาส บริษัทผลิตสินค้าด้านกีฬายักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ได้ประกาศแผนขายแบรนด์รีบอคเนื่องจากทำยอดขายได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยตลาดคาดการณ์ว่า การขายแบรนด์รีบอคอาจมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านยูโร

รายงานข่าวระบุว่า อาดิดาสมีตัวเลือกอยู่ 2 ทางด้วยกัน ทางแรกคือขายแบรนด์รีบอคให้กับบริษัทอื่น หรือไม่ก็แยกรีบอคเป็นบริษัทใหม่

-- องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เตือนให้ประเทศในทวีปแอฟริกา 6 ประเทศคอยเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola) หลังจากมีการตรวจพบการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ในสองประเทศของทวีปแอฟริกาอย่าง "กินี" และ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก" เมื่อสัปดาห์ก่อน

6 ประเทศที่ถูกแจ้งเตือนนั้นเป็นประเทศที่อยู่ใกล้กับกินี ได้แก่ เซเนกัล กินี-บิสเซา มาลี โกตดิวัวร์ เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย

ขณะนี้มีรายงานผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 4 ราย และในกินี 3 ราย โดย WHO กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของทั้งสองประเทศ

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 110,020,914 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,428,314 ราย

ขณะนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (28,381,220) รองลงมาคืออินเดีย (10,937,106), บราซิล (9,921,981), รัสเซีย (4,099,323), สหราชอาณาจักร (4,058,468), ฝรั่งเศส (3,489,129), สเปน (3,096,343)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (499,991) ตามมาด้วยบราซิล (240,983), เม็กซิโก (174,657), อินเดีย (155,949) และสหราชอาณาจักร (118,195)

-- ฮ่องกงเตรียมผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้ โดยจะอนุญาตให้สถานบันเทิงกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในฮ่องกงยังคงอยู่ในระดับเลขหลักเดียวอย่างต่อเนื่อง

สถานที่หลายแห่ง ได้แก่ ฟิตเนส ร้านเสริมสวย พิพิธภัณฑ์ และโรงภาพยนตร์ จะกลับมาเปิดให้บริการได้ ขณะที่ร้านอาหารได้รับอนุญาตให้ขยายเวลานั่งรับประทานที่ร้านจนถึง 22.00 น. และเพิ่มจำนวนลูกค้าต่อโต๊ะจาก 2 เป็น 4 คน

อย่างไรก็ตาม เพื่อขจัดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ทางการจะนำมาตรการป้องกันเพิ่มเติมมาใช้กับร้านอาหารและสถานบันเทิงต่างๆ เช่น การตรวจหาเชื้อไวรัสให้แก่พนักงานทุกๆ 2 สัปดาห์ และลูกค้าต้องใช้แอป LeaveHomeSafe หรือให้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อเข้าใช้บริการ

สำหรับสถานที่ปิด (indoor) บางแห่ง เช่น ห้องจัดงานเลี้ยง ไนต์คลับ และคาราโอเกะ จะยังคงปิดให้บริการต่อไป

-- นักลงทุนจับตารายงานการประชุมเดือนม.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.พ. ตามเวลาไทย เพื่อจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณเมื่อเร็วๆนี้ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของประเทศต่างๆ ที่มีกำหนดการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของอังกฤษ, ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ

ในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนม.ค., ธนาคารกลางอินโดนีเซียจะจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.พ.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนม.ค. รวมถึงสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ