World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 3, 2021 09:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นแอปเปิลและหุ้นเทสลาที่ถูกเทขายอย่างหนัก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากนายเกา ชู่ฉิง ประธานคณะกรรมการฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารและการประกันของจีน (CBIRC) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดการเงินในสหรัฐและยุโรปที่อาจเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตก เนื่องจากการพุ่งขึ้นของตลาดกำลังอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง และมีแนวโน้มว่าตลาดจะเผชิญกับการปรับฐานในไม่ช้านี้

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) ปิดที่ 1,733.6 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 20.1 เซนต์ หรือ 0.75% โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาทองคำดิ่งลงแตะระดับ 1,723 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.422% รวมทั้งดัชนีดอลลาร์ที่ปรับตัวลดลง 0.29% แตะที่ 90.7760 เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลง และมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

-- นักลงทุนติดตามความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของสหรัฐ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบต่อมาตรการดังกล่าวแล้วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค. หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวในแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์ที่แล้วว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน พร้อมกับส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ต่อไปอีกกว่า 3 ปี

-- นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง และการที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลัง

อย่างไรก็ดี นางเบรนาร์ดกล่าวว่า เฟดจะใช้ความอดทน และรอให้มั่นใจว่าเฟดได้บรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเป้าหมายเงินเฟ้อก่อนที่เฟดจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน

นางเบรนาร์ดระบุว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป จนกว่าจะเป็นที่ชัดเจนว่าเงินเฟ้อได้ปรับตัวขึ้น และการจ้างงานได้ฟื้นตัวขึ้นชดเชยส่วนที่ขาดหายไปในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นอกจากนี้ นางเบรนาร์ดยังกล่าวว่า เงินเฟ้อที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้จะดำเนินไปเพียงชั่วคราว และไม่เพียงพอที่จะทำให้เฟดเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน

-- รายงานจากคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจสำหรับแอฟริกาซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ (UNECA) ระบุว่า แอฟริกาเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

รายงานระบุว่า แอฟริกาเผชิญการสูญเสียด้านผลผลิตคิดเป็นมูลค่า 9.9 หมื่นล้านดอลลาร์อันเนื่องจากไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ เศรษฐกิจแอฟริกายังถูกซ้ำเติมจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ ซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจติดเป็นสัดส่วนราว 3-5% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภายในปี 2573

-- เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งของรัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะประกาศให้บริษัทเมอร์ค ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ เข้าดำเนินการช่วยเหลือบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ในการผลิตวัคซีนโควิด-19

การประกาศดังกล่าวมีขึ้น ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลสหรัฐในการเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

ภายใต้ข้อตกลงที่จะมีขึ้น เมอร์คจะใช้โรงงาน 2 แห่งในสหรัฐสำหรับการผลิตวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐเร่งหาโรงงานเพื่อเพิ่มการผลิตวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หลังพบว่าทางบริษัททำการผลิตวัคซีนได้ล่าช้ากว่ากำหนด และในที่สุดรัฐบาลได้บรรลุข้อตกลงกับเมอร์คในการช่วยผลิตวัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ขณะที่เมอร์คได้ล้มเลิกโครงการพัฒนาวัคซีนของตนเอง เนื่องจากผลการทดลองทางคลินิกพบว่าวัคซีนของบริษัทไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19

-- นายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุว่า ตลาดน้ำมันมีแนวโน้มที่สดใส ขณะที่ปัจจัยความไม่แน่นอนที่ต่อเนื่องจากปีที่แล้วได้บรรเทาลง

นอกจากนี้ นายบาร์คินโดยังเปิดเผยว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียกำลังเป็นปัจจัยหนุนตลาด

คำกล่าวของนายบาร์คินโดมีขึ้น ก่อนที่กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตในวันที่ 4 มี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าที่ประชุมจะมีมติผ่อนคลายมาตรการปรับลดกำลังการผลิตหลังเดือนเม.ย. เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว โดยคาดว่าโอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิต 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 115,281,830 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,559,222 ราย

ขณะนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (29,370,705) รองลงมาคืออินเดีย (11,139,323), บราซิล (10,647,845), รัสเซีย (4,268,215), สหราชอาณาจักร (4,188,400), ฝรั่งเศส (3,783,528), สเปน (3,130,184)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (529,214) ตามมาด้วยบราซิล (257,562), เม็กซิโก (186,152), อินเดีย (157,385) และสหราชอาณาจักร (123,296)

-- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ออกแถลงการณ์ระบุว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) สามารถนำมาใช้ฉีดเป็นวัคซีนเข็มที่ 2 ทดแทนวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา หากผู้รับวัคซีนเข็มแรกมีอาการแพ้วัคซีนของทั้งสองบริษัท

CDC ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาใช้เทคโนโลยีแบบ mRNA และจำเป็นต้องมีการฉีด 2 เข็ม ซึ่งหากผู้รับวัคซีนมีอาการแพ้วัคซีนของทั้งสองบริษัท ก็ขอให้รอเวลา 28 วันนับจากการฉีดวัคซีนเข็มแรก จึงจะเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

ก่อนหน้านี้ CDC แนะนำว่าผู้ที่มีอาการแพ้วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาก็ให้ยกเลิกการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แต่หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ให้การอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา CDC ก็ได้แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเป็นวัคซีนเข็มที่ 2

-- มหาวิทยาลัยเบนกูเรียนของอิสราเอลแถลงเมื่อวานนี้ว่า นักวิทยาศาสตร์ของทางมหาวิทยาลัยสามารถพัฒนาชุดตรวจโควิด-19 ที่สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์ได้จำนวน 2 สายพันธุ์ โดยมีราคาถูก และรู้ผลภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ปัจจุบัน ชุดตรวจโควิด-19 ที่สามารถตรวจหาไวรัสที่มีการกลายพันธุ์มักมีราคาแพง และใช้เวลาหลายวันในการรอผลตรวจ

-- รัฐบาลญี่ปุ่นได้เพิ่มรายชื่ออีก 13 ประเทศ ซึ่งผู้ที่เดินทางจากประเทศดังกล่าวจะต้องถูกกักตัว พร้อมกับแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์

ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางมาจาก 13 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยียม บราซิล เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย สโลวาเกีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะต้องถูกกักตัว 14 วัน และจะต้องมีการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในวันที่ 3 หลังเดินทางเข้าสู่ญี่ปุ่น

นอกจากนี้ พวกเขาจะต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบภายในเวลา 72 ชั่วโมงของการเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะต้องตรวจหาเชื้ออีกครั้งทันทีที่เดินทางถึงญี่ปุ่น

ประเทศที่อยู่ภายใต้มาตรการดังกล่าวก่อนหน้านี้ ได้แก่ ไอร์แลนด์ อิสราเอล อังกฤษ แอฟริกาใต้ และรัฐแอมะซอนของบราซิล

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อียู และอังกฤษเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากมาร์กิต ขณะที่สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้มีกำหนดเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.พ.และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2563 ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยดุลการค้าเดือนม.ค. อียูจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.และอัตราว่างงานเดือนม.ค. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ