สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระ รวมถึงนายถิ่ง ลู่ เขียนไว้ในบันทึกย่อว่า ทางบริษัทปรับลดประมาณการลงจากเดิม 4.3% เนื่องจากข้อมูลการเทรดด้วยความถี่สูงแย่ลงอย่างรวดเร็วในเดือนเม.ย. ประกอบกับด้านโลจิสติกส์จีนมีปัญหา เนื่องจากมีเมืองจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ทางการสั่งล็อกดาวน์ทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อสกัดโควิด-19 ขณะเดียวกันก็ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนจะเลิกใช้นโยบาย Zero Covid ในเร็ว ๆ นี้
หากเกิดขึ้นจริง อัตราการขยายตัว 3.9% ในปี 2565 จะนับเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แย่ที่สุดของจีนนับตั้งแต่ปี 2533
นายลู่เปิดเผยกับบลูมเบิร์กทีวีว่า โนมูระคาดว่าจีนจะให้การสนับสนุนทางนโยบายเพิ่มเติมในปีนี้ โดยปรับลดสัดส่วนการกันเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.25% พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.10% แต่นายลู่เตือนว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะยังคงมีอุปสรรค เว้นแต่จีนจะปรับเปลี่ยนแนวทางที่เข้มงวดในการควบคุมโควิด-19
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนพยายามรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและอัดฉีดสภาพคล่องด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ อย่างไรก็ดี ประสิทธิผลของแนวทางดังกล่าวยังคงเป็นที่น่ากังขา เนื่องจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ย้ำชัดว่ายังคงยึดมั่นกับนโยบาย Zero Covid ต่อไป โดยกล่าวสนับสนุนนโยบายดังกล่าวอีกครั้งที่งานประชุมโป๋อ่าว ฟอรั่ม ฟอร์ เอเชีย (BFA) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (21 เม.ย.)
นอกจากนี้ โนมูระยังได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตสำหรับไตรมาสที่ 2 ลงเหลือ 1.8% จากเดิม 3.4% พร้อมระบุว่า "มีความเสี่ยงด้านลบสูงกว่าด้านบวก" สำหรับไตรมาสที่ 2 และในช่วงครึ่งหลังของปีนี้