นายลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เปิดเผยในวันนี้ (25 ต.ค.) ว่า สิงคโปร์จะกำหนดเป้าหมายการปล่อยมลภาวะลงเหลือศูนย์ภายในปี 2593 และจะผลักดันเป้าหมายด้านสภาพอากาศในระยะสั้น แม้สิงคโปร์รู้ว่ากำลังเผชิญกับความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่แหล่งพลังงานที่มีความสะอาดมากขึ้น
นายหว่องกล่าวว่า สิงคโปร์มีเป้าหมายที่จะทำให้การปล่อยมลภาวะถึงจุดสูงสุดก่อนปี 2573 และจะจำกัดมลภาวะที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้ที่ 60 ล้านตันภายในปีดังกล่าว จากเป้าหมายก่อนหน้านี้ที่ระดับ 65 ล้านตัน ขณะที่ข้อมูลของรัฐบาลสิงคโปร์ระบุว่า การปล่อยมลภาวะในปี 2563 อยู่ที่ 52.8 ล้านตัน
การยืนยันเป้าหมายการปล่อยมลภาวะเหลือศูนย์ภายในปี 2593 ของนายหว่องนั้น มีขึ้นหลังจากสิงคโปร์ประกาศเจตนารมณ์ที่จะบรรลุเป้าหมายมลภาวะเป็นศูนย์ภายในหรือประมาณช่วงกลางทศวรรษในรายงานงบประมาณซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อช่วงต้นปีนี้
สำนักเลขาธิการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติของสิงคโปร์เปิดเผยว่า สิงคโปร์กำลังพิจารณาเรื่องการบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลภาวะเหลือศูนย์ภายในปี 2593
"เมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่เสียเปรียบด้านพลังงานทางเลือก เป้าหมายเหล่านี้จำเป็นต้องพึ่งพาความทันสมัยของเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงไฮโดรเจนสะอาด และการดักจับคาร์บอน นอกจากนี้ การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวยังจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในหลายด้าน เช่น คาร์บอน เครดิต (carbon credit) และการนำเข้าพลังงานทดแทน" หน่วยงานของรัฐบาลสิงคโปร์ระบุ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับหลายประเทศที่ตั้งเป้าลดการปล่อยมลภาวะ ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนที่ได้ให้คำมั่นว่า จีนจะบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงเหลือศูนย์ให้ได้ก่อนปี 2603 ซึ่งถือเป็นการผลักดันนโยบายการลดโลกร้อนที่มีความสำคัญมากที่สุดในรอบหลายปี และหากจีนสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ก็จะช่วยให้ความร้อนทั่วโลกลดลงราว 0.2-0.3 องศาเซลเซียสในศตวรรษนี้