นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา (Tesla) เปิดเผยเมื่อวันพุธ (24 ม.ค.) ว่า แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนจะ "บดขยี้" แบรนด์คู่แข่งทั่วโลกหากไม่มีมาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งนับเป็นการเน้นย้ำถึงการความกดดันที่เทสลากำลังเผชิญ ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดกับแบรนด์จีน เช่น บีวายดี (BYD) ซึ่งกำลังรุกขยายธุรกิจไปทั่วโลก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความคิดเห็นของนายมัสก์มีขึ้นหลังจากที่บีวายดี ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการสนับสนุนจากนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนระดับโลก ได้ขึ้นแซงหน้าเทสลา ในฐานะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงที่สุดในโลกในไตรมาสที่แล้ว แม้เทสลาจะปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ มาแล้วหลายครั้งก็ตาม
นายมัสก์กล่าวระหว่างการหารือกับนักวิเคราะห์หลังจากรายงานผลประกอบการของเทสลาว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของจีนมีความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุด และมีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จอย่างมีนัยสำคัญนอกเหนือจากในประเทศจีน ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการกำหนดภาษีศุลกากรหรือมาตรการกีดกันทางการค้าในรูปแบบใด
นายมัสก์เน้นย้ำว่า หากไม่มีการกำหนดมาตรการกีดกันทางการค้า แบรนด์รถยนต์จีนก็จะก้าวข้ามและแซงหน้าผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกรายอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากแบรนด์เหล่านี้มีความสามารถสูงมาก
รายงานระบุว่า นายมัสก์มีเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องกังวล เนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว เขาได้จุดชนวนสงครามราคาเพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่ต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูง อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้กลับทำให้ผลกำไรของเทสลาลดลง และก่อให้กระแสกังวลในหมู่นักลงทุน นอกจากนี้ เทสลาก็ได้ผลักดันการลดต้นทุนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วกับรถรุ่นที่มีอยู่ และไม่สามารถลดต้นทุนได้อีก
ขณะเดียวกัน นายอีลอน มัสก์ ยังเปิดเผยด้วยว่า เทสลาจะเริ่มเดินสายการผลิตรถ EV รุ่นใหม่ที่รอคอยมานาน ณ โรงงานในรัฐเท็กซัส ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันเดียวกันว่า เทสลาได้แจ้งให้บรรดาซัพพลายเออร์เตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มผลิตรถยนต์ประเภทครอสส์โอเวอร์ขนาดเล็กในเดือนมิ.ย. 2568
รถ EV ดังกล่าว รวมถึงรุ่นเริ่มต้นที่ราคา 25,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 893,000 บาท จะช่วยให้เทสลาสามารถแข่งกับรถน้ำมันราคาประหยัดและรถ EV ราคาไม่แพง เช่น BYD ของจีนได้
นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทสลายังได้ทำการถอดชิ้นส่วนฮอนด้า ซีวิค เพื่อศึกษาแนวทางการผลิตรถยนต์ราคาประหยัดด้วย