"อาดิดาส" เตือนยอดขายในอเมริกาเหนืออาจร่วงหลังแบรนด์เร่งเคลียร์สต็อกรองเท้า Yeezy

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 13, 2024 16:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัทอาดิดาส (Adidas) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชุดกีฬาและเครื่องกีฬารายใหญ่ของเยอรมนี ออกมาเตือนวันนี้ (13 มี.ค.) ว่า ยอดขายในตลาดอเมริกาเหนือที่มีสต็อกสินค้าเหลือล้นอาจปรับตัวลดลงในปี 2567 ขณะที่แบรนด์ยังคงเดินหน้าจำหน่ายรองเท้ารุ่นยีซี่ (Yeezy) ที่เหลือในคลัง

บริษัทระบุว่า ยอดขายแบบไม่อิงตามสกุลเงิน (Currency-neutral sales) ในอเมริกาเหนือคาดว่าจะลดลงสู่ระดับตัวเลขหลักหน่วยในปี 2567 แต่ก็คาดการณ์ว่า ยอดขายทั่วโลกจะขยายตัวขึ้นสู่ประมาณ 5% แม้ว่าจะมี "อุปสรรคทางเศรษฐกิจมหภาคและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์" อย่างต่อเนื่องก็ตาม

อาดิดาสยืนยันว่า ผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566 อยู่ที่ 268 ล้านยูโร (292.9 ล้านดอลลาร์) โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายแบบไม่อิงตามสกุลเงิน โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่บริษัทคาดการณ์ก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากบริษัทยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการยุติการผลิตรองเท้ารุ่นยีซี่ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัทกับคานเย เวสต์ นักร้องเพลงแรปและนักออกแบบแฟชั่น

ทั้งนี้ บริษัทมียอดขาดทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ 377 ล้านยูโรในไตรมาส 4/2566 และทำให้ฝ่ายบริหารเสนอเงินปันผลเท่าเดิมที่ 0.70 ยูโรต่อหุ้น

นายบีจอร์น กัลเดน ซีอีโอของอาดิดาส กล่าวในแถลงการณ์ว่า "แม้ว่าธุรกิจจะยังไม่ค่อยดีนัก แต่ปีงบการเงิน 2566 ก็จบลงได้ดีกว่าที่ผมคาดไว้เมื่อต้นปี แม้จะสูญเสียรายได้จำนวนมากจากรองเท้ายีซี่และกลยุทธ์การขายที่ระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่เราก็สามารถทำรายได้ได้อย่างคงที่ เราคาดว่า ผลประกอบการในปีนี้จะติดลบอย่างมาก แต่เรากลับมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 268 ล้านยูโร"

อาดิดาสได้ยืนยันผลประกอบการเบื้องต้นที่เผยแพร่เมื่อปลายเดือนม.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทประกาศว่าจะไม่โล๊ะรองเท้ายีซี่ออกจากคลังสินค้าส่วนใหญ่ แต่จะขายรองเท้าที่เหลือในราคาทุนแทน

ทั้งนี้ อาดิดาสถูกบีบให้เลิกผลิตรองเท้ายีซี่ หลังจากฉีกสัญญาการเป็นหุ้นส่วนกับคานเย เวสต์ หลังจากที่เขาได้แสดงความคิดเห็นต่อต้านชาวยิวหลายครั้งในปี 2565

อาดิดาสระบุว่า การยุติการเป็นหุ้นส่วนดังกล่าวหมายถึง กำไรจากการดำเนินงานอาจลดลงประมาณ 500 ล้านยูโรเมื่อเทียบรายปีจนถึงปี 2566 แม้ว่าการขายสินค้าคงคลังบางส่วนในไตรมาสที่ 2/2566 และ 3/2566 จะเป็นผลบวกต่อยอดขายสุทธิที่ประมาณ 750 ล้านยูโรก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ