"บีวายดี" เดินหน้ารุกตลาดเกิดใหม่ หวังเลี่ยงนโยบายเข้มงวดจากสหรัฐและยุโรป

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 19, 2024 15:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บีวายดี (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่สัญชาติจีน เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศอย่างหนัก ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดกับเทสลาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลก แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐก็ตาม

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บีวายดีได้ลองทดสอบตลาดในหลายประเทศ และประสบความสำเร็จด้านการขายในทันที ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีหลังเข้าสู่ตลาดนั้น ๆ

เนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายเกี่ยวกับการส่งออกรถยนต์ EV ของจีนไปยังตลาดหลัก เช่น สหรัฐและยุโรป บีวายดีจึงพยายามเพิ่มยอดขายในต่างประเทศด้วยการย้ายการฐานผลิตไปยังภูมิภาคที่เป็นมิตรมากกว่า ปัจจุบัน บริษัทกำลังก่อสร้างโรงงานในไทย บราซิล อินโดนีเซีย ฮังการี และอุซเบกิสถาน

"พวกเขากำลังมุ่งเป้าไปยังประเทศที่อุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศไม่แข็งแกร่งมากนัก ซึ่งจะทำให้บริษัทเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองหรืออุปสรรคน้อยลงจากมุมมองเชิงนโยบาย" เสี่ยว เฟิง นักวิเคราะห์วิจัยของซีแอลเอสเอ (CLSA) ระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นสำหรับแนวทางนี้

เมื่อเดือนที่ผ่านมา คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า สหรัฐกำลังเริ่มสอบสวนว่ารถยนต์ที่ผลิตในจีนก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ และอาจกำหนดข้อจำกัดต่อยานยนต์ของจีน โดยสหรัฐพยายามส่งเสริมการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV ในประเทศ แต่ยอดขายนั้นยังคงต่ำกว่าจีนอยู่มาก

รายงานระบุว่า บีวายดีเดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มต้นที่ประเทศไทย ซึ่งบริษัทคาดว่าโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ข้อมูลจากมาร์คไลนส์ (Marklines) ระบุว่า บีวายดีครองอันดับหนึ่งด้านยอดขายรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลในไทยประจำเดือนม.ค. แซงหน้าเจ้าตลาดเดิมอย่างโตโยต้า

นอกจากนี้ หลังจากโรงงานในไทยเปิดดำเนินการ คาดว่าจะให้บริการครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอีวาย (EY) คาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ EV ในภูมิภาคดังกล่าวจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมียอดขายไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีภายใน 10 ปีหน้า

ทั้งนี้ ข้อมูลจากบริษัทเคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ชระบุว่า บีวายดีก้าวขึ้นเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยครองส่วนแบ่งตลาดปี 2566 มากกว่า 1 ใน 3 แม้จะแทบไม่มียอดขายเลยก่อนหน้านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ