องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2567 ขึ้นสู่ระดับ 3.1% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.9% พร้อมกับปรับเพิ่มการคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ จีน และยูโรโซน เนื่องจากเงินเฟ้อชะลอตัวลงและอุปสงค์ฟื้นตัวขึ้น
OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.6% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.1% ขณะเดียวกันคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4.9% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.7% และคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจจะขยายตัว 0.7% ดีกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 0.6%
อย่างไรก็ดี OECD ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยระบุว่าการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อได้ส่งผลกระทบต่อการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ โดย OECD คาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัวเพียง 0.5% ในปี 2567 ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.0%
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า OECD คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเล็กน้อยและการเติบโตของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศจะไม่สอดคล้องกัน โดยระบุว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ท่ามกลางสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ถือเป็นความเสี่ยงที่รุนแรงอย่างมีนัยสำคัญในระยะใกล้นี้
"แต่ถึงกระนั้นก็ตาม มีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกเริ่มสดใสขึ้น แม้ยังคงขยายตัวเล็กน้อยก็ตาม" OECD ระบุ
ส่วนในปี 2568 นั้น OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.2% ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.0%
รายงานของ OECD ระบุว่า การที่สหรัฐและยุโรปปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อนั้น ได้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เศรษฐกิจของทั้งสหรัฐและยุโรปยังคงฟื้นตัว ส่วนญี่ปุ่นซึ่งเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมานั้น ยังคงตามหลังหลายประเทศในเรื่องของการปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติ
ทั้งนี้ OECD คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐและยุโรปจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 3 ของปีนี้ แต่คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
"สำหรับญี่ปุ่นนั้น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยเป็นถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม โดยคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75% ภายในสิ้นปี 2568 จากระดับปัจจุบันที่ 0-0.1%