นางเอลเลน วาลด์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Washington Ivy Advisors กล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านในครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาด เนื่องจากอิสราเอลไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันหรือส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งทำให้อิหร่านยังคงสามารถส่งออกน้ำมันในตลาด
"ดิฉันไม่คิดว่าสถานการณ์ตอนนี้จะรุนแรงเหมือนตอนที่รัสเซียบุกยูเครน มันไม่ใช่ภัยคุกคามที่สำคัญขนาดนั้นต่ออุปทานน้ำมัน" นางวาลด์กล่าว
นอกจากนี้ นางวาลด์กล่าวว่า หากอิหร่านทำการตอบโต้ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซเพื่อพยายามขัดขวางการขนส่งน้ำมัน เรือน้ำมันก็ยังสามารถเบี่ยงเส้นทางเข้าสู่น่านน้ำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และโอมานได้
"แม้จะเกิดความวุ่นวายขึ้นในระยะแรก แต่สิ่งนี้ก็คงจะไม่ยืดเยื้อมากนัก"
นางวาลด์ยังเตือนด้วยว่า การที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากการปิดช่องแคบฮอร์มุซ อาจทำให้อิหร่านเผชิญแรงกดดันจากจีน ซึ่งเป็นลูกค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของอิหร่าน
"จีนไม่ต้องการให้กระแสการส่งออกน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียถูกรบกวนในทุกกรณี และจีนก็ไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ดังนั้นพวกเขาจะใช้อำนาจทางเศรษฐกิจกดดันอิหร่าน" นางวาลด์กล่าว