สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) จากแรงกดดันของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นขานรับข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.9 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ระดับ 1269.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเดือนธ.ค. ลดลง 30.3 เซนต์ หรือ 1.77% ปิดที่ 16.834 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.64% ปิดที่ 921.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 991.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแข็งค่าขึ้นหลังจากที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลการสำรวจว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเปิดตัวดัชนีดังกล่าวในปี 2551 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 58.5
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งแม้จะต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 310,000 ตำแหน่ง แต่ก็บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีการขยายตัว ส่วนอัตราการว่างงานของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 4.1% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะทรงตัวที่ 4.2% ขณะที่อัตราค่าแรงต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น ลดลง 1 เพนนี สู่ระดับ 26.53 ดอลลาร์/ชม.
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุด ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนธ.ค. ซึ่งช่วยหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีให้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะไม่ส่งผลดีต่อราคาทองคำ เนื่องจากเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนจะมีแนวโน้มหวังผลตอบแทนจากการฝากเงินไว้กับธนาคารมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการถือครองทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย มีจำนวนน้อยลง