สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) จากแรงเทขาย แม้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าและตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงก็ตาม
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวลดลง 13.30 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ระดับ 1,274.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี ตลอดทั้งสัปดาห์ ราคาทองปรับตัวขึ้น 0.4%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเดือนธ.ค. ลดลง 10.4 เซนต์ หรือ 0.61% ปิดที่ 16.871 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 8.50 ดอลลาร์ หรือ 0.90% ปิดที่ 932.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 11.30 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 993.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ผู้สังเกตการณ์ในตลาดการเงินเผยว่า เกิดแรงเทขายอย่างต่อเนื่องและรุนแรงในตลาดทองคำเมื่อวันศุกร์ โดยแรงเทขายฉุดให้ราคาทองดิ่งลงไปในเวลาประมาณ 10-15 นาที และมีสัญญาทองคำถูกขายไปถึงราว 4 ล้านออนซ์จนกระทั่งปิดตลาด
โดยนักวิเคราะห์ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุให้จึงเกิดแรงเทขายอย่างน่าประหลาดใจ เพราะโดยปกติแล้วสัญญาทองคำจะได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงนั้น ส่งผลให้สัญญาทองคำนิวยอร์กซึ่งซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่นๆ
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งชี้วัดสกุลเงินดอลลาร์กับตระกร้าสกุลเงินหลักอื่นๆ ลดลง 0.13% แตะที่ 94.41 ในวันศุกร์
นอกจากนี้ปกติแล้วนักลงทุนจะหันมาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ หากตลาดหุ้นร่วงลง แต่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ซึ่งระบุว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 นั้น ก็ไม่สามารถช่วยหนุนราคาทองคำให้ดีดตัวขึ้น
ทั้งนี้ ราคาทองดีดตัวขึ้นก่อนหน้านี้ เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และความล่าช้าเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ
การชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว ถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ยังอาจจะส่งผลให้บริษัทของสหรัฐที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศเลื่อนการตัดสินใจย้ายฐานกลับสู่สหรัฐ เนื่องจากต้องการรอให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้