สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนได้หันมาซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดร่วงลงหนักเกือบ 800 จุดในการซื้อขายเมื่อคืนนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 1,246.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 14.1 เซนต์ หรือ 0.97% ปิดที่ 14.64 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 804.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 14.6 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,180.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุน หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดร่วงลงหนัก โดยทั้ง 3 ดัชนีหลักร่วงหนักกว่า 3% ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อการที่ตลาดพันธบัตรส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย
โดยปกติแล้ว เมื่อตลาดหุ้นปรับตัวลดลง นักลงทุนจะหันมาซื้อทองคำเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว และมักบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะตามมา
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปี
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น ซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับตัวค่อนข้างมีเสถียรภาพในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และเจ้าหน้าที่เฟดทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยกำหนดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว โดยนักลงทุนจะทำการคาดการณ์ว่าพวกเขาควรจะได้รับการชดเชยมากกว่าเงินเฟ้อเท่าใดในการถือครองพันธบัตรเป็นเวลาหลายปี