สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (8 ต.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้สัญญาทองแดงซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีราคาแพงขึ้นและมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 0.30 เซนต์ หรือ -0.06% ปิดที่ 5.0945 ดอลลาร์/ปอนด์
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.34% แตะที่ 98.915
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองแดงไม่ได้ปรับตัวลงมากนัก โดยได้รับปัจจัยบวกจากความกังวลว่าทองแดงอาจจะขาดแคลน หลังจากมีข่าวเรื่องเหมืองที่ชิลี คองโก และอินโดนีเซียยังคงหยุดดำเนินการ
เหมืองกราสเบิร์ก (Grasberg) ในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเหมืองทองแดงขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ต้องหยุดดำเนินการมาเกือบเดือนแล้ว หลังจากเกิดเหตุโคลนถล่มจนมีคนงานเสียชีวิต 7 คน
ด้านบริษัทเหมืองสัญชาติแคนาดา เทค รีซอร์สเซส (Teck Resources) ก็เพิ่งประกาศปรับลดเป้าหมายการผลิตทองแดงของเหมืองเกบราดาบลังกา (Quebrada Blanca) ซึ่งเป็นเหมืองหลักของบริษัทในชิลี
ปัญหาอุปทานที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้กลุ่มศึกษาทองแดงระหว่างประเทศ (ICSG) ต้องปรับเปลี่ยนตัวเลขคาดการณ์ครั้งใหญ่ โดยเมื่อวันพุธ ICSG ระบุว่า ปริมาณทองแดงส่วนเกินที่เคยคาดไว้ในปี 2568 จะลดลงเหลือแค่ 178,000 ตัน และมองไปถึงปี 2569 ว่าตลาดจะพลิกกลับมาเป็นขาดแคลนทองแดงถึง 150,000 ตัน
ตัวเลขดังกล่าวแตกต่างจากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย. อย่างมาก โดยในขณะนั้น ICSG ยังมองว่าปีนี้จะมีทองแดงส่วนเกิน 289,000 ตัน และปี 2569 ก็จะยังล้นตลาดอยู่ที่ 209,000 ตัน
นิเทศ ชาห์ นักกลยุทธ์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก WisdomTree ให้ความเห็นว่า "ปัญหาการผลิตที่เกิดขึ้นตามเหมืองต่าง ๆ ทำให้สถานการณ์อุปทานทองแดงในตลาดโลกตึงตัวอย่างมาก"
"ตอนนี้ดูเหมือนว่าบริษัทเหมืองต่าง ๆ แทบจะไม่ได้ลงทุนสำรวจหาแหล่งแร่ใหม่ ๆ เลย และการจะขออนุญาตเปิดเหมืองใหม่ก็ยากขึ้นกว่าเดิมมาก ดังนั้น ภาวะที่ทองแดงมีจำกัดแบบนี้จะยังคงอยู่ต่อไปอีกนาน" ชาห์กล่าวเสริม