ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (6 พ.ค.) สัญญาถั่วเหลืองยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ซึ่งนักวิเคราะห์บ่งชี้ว่าปัจจัยหลักมาจากความกังวลเรื่องความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ความต้องการถั่วเหลืองสหรัฐฯ จากจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลก แทบจะหายไปหมดสิ้น
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.25 เซนต์ หรือ +0.28% ปิดที่ 4.5550 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 4.75 เซนต์ หรือ +0.89% ปิดที่ 5.3600 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 4.25 เซนต์ หรือ -0.41% ปิดที่ 10.4125 ดอลลาร์/บุชเชล
นอกจากนี้ ราคาสัญญาน้ำมันถั่วเหลืองที่ดิ่งลงอย่างหนักจากการขาดคำสั่งผสมเชื้อเพลิงชีวภาพที่ชัดเจนจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (EPA) และการตัดงบประมาณ ก็ยิ่งกดดันตลาดถั่วเหลืองโดยรวม ขณะที่นักลงทุนในตลาดยังคงจับตารอดูสัญญาณที่ชัดเจนในการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน
ด้านสัญญาข้าวโพดเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน สำหรับความคืบหน้าการเพาะปลูกนั้น รายงานประจำสัปดาห์ของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ระบุว่าข้าวโพดคืบหน้าไปแล้ว 40% (สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี แต่ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย) และถั่วเหลือง 30% (สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี แต่ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย) ขณะที่แนวโน้มผลผลิตที่ดีในบราซิลยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาข้าวโพด แม้มีปัจจัยบวกจากการส่งออกที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ก็ตาม
ส่วนราคาข้าวสาลีขยับสูงขึ้นเล็กน้อยจากปัจจัยทางเทคนิค และความกังวลเรื่องสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งในมณฑลเหอหนานของจีนซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญ อาจกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อชดเชยการขายชอร์ต (short covering) และเพิ่มความต้องการนำเข้าข้าวสาลีของจีน อย่างไรก็ตาม ปริมาณฝนที่ตกในแถบทะเลดำและแนวโน้มผลผลิตที่ดีขึ้นในสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันราคาธัญพืชโดยรวม