ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (17 มิ.ย.) สัญญาธัญพืชปรับตัวไร้ทิศทาง โดยสัญญาถั่วเหลืองและข้าวสาลีปิดบวก ขณะที่สัญญาข้าวโพดปิดลบ
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 3.25 เซนต์ หรือ -0.75% ปิดที่ 4.3150 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 12.50 เซนต์ หรือ +2.33% ปิดที่ 5.4900 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 4.25 เซนต์ หรือ +0.40% ปิดที่ 10.7400 ดอลลาร์/บุชเชล
สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้น โดยได้ปัจจัยหนุนสำคัญจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแรง ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังไร้วี่แววจะสิ้นสุดดันราคาน้ำมันดิบให้ทะยานขึ้นกว่า 4% ซึ่งส่งผลบวกโดยตรงต่อสินค้าเกษตรที่ใช้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างถั่วเหลืองและข้าวโพด
อีกหนึ่งปัจจัยบวกต่อราคาถั่วเหลืองคือความไม่แน่นอนของสภาพอากาศในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ ประกอบกับรายงานล่าสุดจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ที่ระบุว่า คุณภาพผลผลิตในระดับดีถึงดีเยี่ยม ลดลงเหลือ 66% จาก 68% ในสัปดาห์ก่อนหน้า สะท้อนความกังวลต่อผลผลิตในอนาคต
ด้านสัญญาข้าวสาลีพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากการเก็บเกี่ยวที่ล่าช้า โดย USDA รายงานว่า การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีฤดูหนาวเสร็จสิ้นไปเพียง 10% ซึ่งช้ากว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 16%
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังชี้ว่า สัญญาข้าวสาลีในขณะนี้มีกองทุนธัญพืชถือสถานะขายชอร์ตสุทธิ (net short position) อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเปิดช่องให้เกิดแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต (Short-covering) ซึ่งยิ่งผลักดันให้ราคาข้าวสาลีทะยานขึ้นไปอีก