ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพฤหัสบดี (10 ก.ค.) สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน โดยสัญญาข้าวสาลีปิดพุ่งขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานเพื่อการส่งออกที่จำกัดในรัสเซีย ขณะที่สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองเคลื่อนไหวในกรอบแคบใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน เนื่องจากนักลงทุนรอการเปิดเผยประมาณการผลผลิตของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์นี้
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ หรือ +0.24% ปิดที่ 4.1650 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 7.50 เซนต์ หรือ +1.37% ปิดที่ 5.5450 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 6.50 เซนต์ หรือ +0.65% ปิดที่ 10.1365 ดอลลาร์/บุชเชล
บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า USDA จะปรับลดประมาณการผลผลิตข้าวสาลีทั้งหมดในสหรัฐฯ
ข้อมูลจากผู้ค้ารายหนึ่งระบุว่า ในรัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก ฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่เริ่มต้นล่าช้าและเกษตรกรที่ไม่เต็มใจขายผลผลิต ได้ทำให้ผู้ส่งออกต้องขึ้นราคาซื้อเพื่อให้สามารถจัดหาอุปทานไว้โหลดขึ้นเรือ
รัฐบาลรัสเซียมีคำสั่งให้ดำเนินมาตรการกระตุ้นการส่งออกสินค้าเกษตร หลังยอดขายข้าวสาลีในตลาดโลกลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551
นักลงทุนยังถือสถานะขายสุทธิ (short position) จำนวนมากในสัญญาข้าวสาลี CBOT ซึ่งทำให้ตลาดมีความอ่อนไหวต่อการรีบปิดสถานะขาย (short-covering)
สัญญาถั่วเหลืองแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนก่อนฟื้นตัวขึ้น ขณะที่สัญญาข้าวโพดยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ซึ่งเข้าทดสอบในช่วงปลายเดือนมิ.ย.
สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ ยังคงกดดันตลาด โดยหนุนความคาดหวังว่าจะมีผลผลิตอุดมสมบูรณ์ในสหรัฐฯ เพิ่มเติมจากปริมาณผลผลิตที่สูงในบราซิลซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เช่นกัน
ข้อเสนอของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากบราซิล 50% เมื่อวันพุธ ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดธัญพืชเหมือนสินค้าเกษตรอื่น เช่น กาแฟ แต่อัตราแลกเปลี่ยนเงินเรียลบราซิลที่อ่อนค่าลง อาจส่งผลกระทบทางลบต่อตลาดธัญพืช โดยกระตุ้นให้เกษตรกรบราซิลขายผลผลิตมากขึ้น