ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (14 ต.ค.) สัญญาข้าวสาลีดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีระหว่างการซื้อขาย ท่ามกลางแรงกดดันจากอุปทานทั่วโลกที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะจากรัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด ที่ได้เร่งการส่งมอบในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.25 เซนต์ หรือ +0.55% ปิดที่ 4.1300 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.50 เซนต์ หรือ +0.70% ปิดที่ 5.0025 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.25 เซนต์ หรือ -0.12% ปิดที่ 10.0650 ดอลลาร์/บุชเชล
ปัจจัยด้านอุปทานยังคงกดดันตลาด โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทที่ปรึกษา Sovecon ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลผลิตข้าวสาลีของรัสเซียเป็น 87.8 ล้านตัน จากเดิม 87.2 ล้านตัน สะท้อนผลผลิตที่สูงเป็นประวัติการณ์ในแถบไซบีเรีย นอกจากนี้เทรดเดอร์ยังคาดว่าผลผลิตจำนวนมากจากอาร์เจนตินาและออสเตรเลียจะเริ่มเข้าสู่ตลาดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ขณะเดียวกัน สัญญาข้าวโพดเคลื่อนไหวผันผวน แต่ยังคงเผชิญแรงกดดันจากฤดูเก็บเกี่ยวในสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่
สำหรับตลาดถั่วเหลือง ปัจจัยสำคัญยังคงอยู่ที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ที่ได้ระงับการซื้อจากสหรัฐฯ และหันไปนำเข้าจากอเมริกาใต้แทน แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะเริ่มลดท่าทีที่แข็งกร้าวลงเกี่ยวกับข้อตกลงการค้า แต่สถานการณ์ก็ยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจน
นอกจากนี้ การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ (Government Shutdown) ที่ยังคงดำเนินอยู่ ได้ส่งผลให้นักลงทุนขาดข้อมูลสำคัญประกอบการตัดสินใจ ทั้งข้อมูลการส่งออก อุปสงค์ และความคืบหน้าในการเก็บเกี่ยว ซึ่งทำให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนครั้งใหญ่ในตลาด