ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 2% ใกล้หลุดระดับ 67 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมันในตลาด
ณ เวลา 22.43 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค. ลบ 1.89 ดอลลาร์ หรือ 2.73% สู่ระดับ 67.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศอัตราภาษีนำเข้าฉบับปรับปรุงใหม่ในระดับตั้งแต่ 10%-41% ต่อประเทศคู่ค้าทั่วโลก และสินค้าที่มีการขนส่งจากประเทศที่สาม หรือสินค้าที่มีการสวมสิทธิ์ (transshipped) เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเหล่านี้ จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 40%
นายอะทาคาน บาคิสคาน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารแบเรนเบิร์ก กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงล่าสุดในนโยบายภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ ยังไม่ใช่ฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด เนื่องจากก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์เคยขู่ที่จะขึ้นอัตราภาษีพื้นฐานเป็น 2 เท่าจากปัจจุบันที่ระดับ 10%
นายบาคิสคานกล่าวว่า ภาษีชุดใหม่ของปธน.ทรัมป์จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างประเทศ และสหรัฐเองก็จะได้รับความเสียหายจากภาษีเหล่านี้ จากการที่เงินเฟ้อภายในประเทศดีดตัวขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมในวันอาทิตย์ที่ 3 ส.ค.
ทั้งนี้ สมาชิก 8 ชาติของโอเปกพลัส ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย จะจัดการประชุมในวันที่ 3 ส.ค.เพื่อพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนก.ย.
แหล่งข่าวระบุว่าที่ประชุมจะมีมติเห็นชอบให้เพิ่มกำลังการผลิต 548,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย.
สมาชิก 8 ชาติของโอเปกพลัสได้เพิ่มกำลังการผลิตตั้งแต่เดือนเม.ย. และตั้งแต่นั้นมาก็ได้เร่งการปรับเพิ่มกำลังการผลิต โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 548,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.
โอเปกพลัสได้ปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด แต่ในปีนี้ โอเปกพลัสได้เริ่มเปลี่ยนแปลงท่าทีเพื่อกลับมาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดอีกครั้ง และเนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เรียกร้องให้โอเปกปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อช่วยควบคุมราคาน้ำมันไม่ให้สูงเกินไป