สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลาง อันเนื่องมาจากการลงประชามติของชาวเคิร์ดในอิรัก โดยผลการลงประชามติชี้ว่าชาวเคิร์ดเห็นพ้องในการแยกตัวเป็นอิสระจากอิรัก สร้างความไม่พอใจแก่รัฐบาลอิรักรวมถึงรัฐบาลตุรกีและอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 51.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 57.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นราว 2% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นราว 1.1%
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ชาวเคิร์ดได้ออกมาลงแยกตัวเป็นอิสระจากอิรัก ซึ่งผลปรากฏว่า ผู้ลงคะแนนกว่า 93% สนับสนุนให้มีการตั้งประเทศเคอร์ดิสถานเพื่อแยกตัวจากอิรัก ขณะที่มีเสียงคัดค้านเพียง 6.71% ส่งผลให้รัฐบาลอิรักออกมาเรียกร้องให้นานาประเทศเลิกการสั่งซื้อน้ำมันจากชาวเคิร์ด และสั่งห้ามเครื่องบินเที่ยวบินระหว่างประเทศลงจอดที่สนามบินในพื้นที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ยังออกมาขู่ว่าจะปิดท่อน้ำมันที่ส่งน้ำมันจากอิรักออกสู่ตลาดโลก หากชาวเคิร์ดเดินหน้าทำประชามติแยกตัวเป็นอิสระ ขณะที่นายบินาลี ยิลดิริม นายกรัฐมนตรีตุรกี ประกาศในวันนี้ว่า เที่ยวบินทุกเที่ยวบินจากตุรกีไปยังเมืองเออร์บิล และสุไลมานิยา ซึ่งอยู่ในภูมิภาคเคอร์ดิสถานทางตอนหนือของอิรัก จะถูกยกเลิกอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่เวลา 18.00 น.ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการลดอุปทานน้ำมันโลกลงราว 2% ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่นอกกลุ่มอย่างรัสเซียด้วย ขณะที่โอเปกระบุว่า สต๊อกน้ำมันเพื่อการพาณิชย์นั้นปรับตัวลงเกือบครึ่งหนึ่งตั้งแต่ต้นปี 2560 เหลือเพียงการปรับลดอีก 170 ล้านบาร์เรลเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นแตะระดับ 9.55 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 6 แท่น สู่ระดับ 750 แท่นในสัปดาห์นี้ แสดงให้เห็นถึงการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน