บริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก (Facebook) และอินสตาแกรม (Instagram) ได้ตกลงทำสัญญาที่มีมูลค่าอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์กับกูเกิล (Google) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของอัลฟาเบท (Alphabet) เพื่อใช้คลาวด์คอมพิวติ้งของกูเกิล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทุ่มเงินลงทุนครั้งใหญ่ของเมตา เพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
แหล่งข่าวเปิดเผยกับบรรดาสื่อต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงดิ อินฟอร์เมชัน (The Information) ว่า เมตาจะจ่ายเงินขั้นต่ำ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 6 ปี เพื่อใช้เซิร์ฟเวอร์และพื้นที่เก็บข้อมูลของกูเกิลคลาวด์ (Google Cloud) โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มกำลังการประมวลผลให้พร้อมใช้งานอย่างรวดเร็ว ในขณะที่บริษัทกำลังแข่งขันเพื่อนำเสนอเครื่องมือ AI สำหรับผู้ใช้งาน
ข้อตกลงนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เมตา และกูเกิล ทำสัญญาด้านคลาวด์คอมพิวติ้งครั้งใหญ่ร่วมกัน โดยกูเกิลเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในตลาด รองจากบบริการคลาวด์ AWS ของบริษัทอะเมซอนดอทคอม (Amazon.com) และบริการคลาวด์ Azure ของไมโครซอฟท์ (Microsoft)
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตาได้ให้คำมั่นว่าจะทุ่มเงินหลายแสนล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนา AI และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น โดยแม้ว่าบริษัทจะมีศูนย์ข้อมูลของตัวเองอยู่มากกว่า 20 แห่งและกำลังสร้างเพิ่มอีกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงโครงการขนาด 4 ล้านตารางฟุตในรัฐลุยเซียนา แต่บางส่วนก็ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะพร้อมใช้งาน ด้วยเหตุนี้ ซักเคอร์เบิร์กจึงต้องการรวบรวมกำลังการประมวลผลให้ได้มากที่สุดต่อนักวิจัย AI หนึ่งคน และต้องการทำเช่นนั้นอย่างรวดเร็ว
แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า ข้อตกลงระหว่างเมตาและกูเกิลในครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เป็นหลัก โดยในรายงานผลประกอบการเมื่อเดือนที่แล้ว เมตาคาดการณ์ว่า ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับปี 2568 จะอยู่ในช่วง 1.14-1.18 แสนล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันเมตากำลังลงทุนจำนวนมากในโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรด้าน AI เพื่อสร้างโมเดลตระกูล Llama และเพิ่มขีดความสามารถของ AI ในบริการทั้งหมดของเมตา