เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถควบคุมอินเดียและปากีสถานได้ และสงครามระหว่างทั้งสองประเทศก็ไม่ใช่เรื่องของสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ ต้องการเห็นสถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด แต่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงและเกินขอบเขตอำนาจของสหรัฐฯ
รองปธน.สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า สหรัฐฯ คาดหวังว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาค หรือที่เลวร้ายที่สุดคือความขัดแย้งทางนิวเคลียร์
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังคงรักษาช่องทางสื่อสารกับทั้งสองประเทศ โดยล่าสุด มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีปากีสถานและรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย เพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลดการเผชิญหน้า และหันมาเจรจาโดยตรง
รายงานระบุว่า แม้อินเดียจะเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในการถ่วงดุลอิทธิพลของจีน และปากีสถานยังคงเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ เช่นกัน แต่นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า สหรัฐฯ อาจปล่อยให้ทั้งสองประเทศจัดการสถานการณ์กันเองในช่วงแรก โดยปราศจากแรงกดดันจากสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯ เองก็มีเรื่องต้องจัดการอยู่แล้วเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-กาซา
ความตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถานทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากทั้งสองฝ่ายกล่าวหากันว่าใช้โดรนโจมตี ซึ่งรัฐมนตรีกลาโหมของปากีสถานระบุว่าอาจมีการตอบโต้เพิ่มเติม
ทั้งนี้ ต้นเหตุของความตึงเครียดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เม.ย. หลังจากกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงก่อเหตุโจมตีในเขตแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอินเดีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย ซึ่งอินเดียกล่าวหาว่าปากีสถานอยู่เบื้องหลัง แต่ทางการปากีสถานปฏิเสธข้อกล่าวหา และเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเป็นกลาง