นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดียกล่าวปราศรัยต่อประชาชนในวันจันทร์ (12 พ.ค.) ว่า อินเดียจะจับตาท่าทีของปากีสถานอย่างใกล้ชิดหลังจากทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
โมดีระบุว่า ขีปนาวุธและโดรนของอินเดียได้โจมตีฐานที่มั่นของผู้ก่อการร้ายในปากีสถาน และมีผู้ก่อการร้ายที่อันตรายมากกว่า 100 รายถูกสังหารในการโจมตีของอินเดียครั้งนี้ พร้อมแสดงจุดยืนว่า อินเดียจะไม่ทนกับการแบล็กเมลด้วยนิวเคลียร์ใด ๆ ก็ตามจากปากีสถาน
โมดีกล่าวว่า "ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อินเดียจะพิจารณาทุกก้าวของปากีสถานจากท่าทีที่ปากีสถานจะแสดงออกมา"
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอินเดียได้โจมตีใส่ฐานที่มั่น 9 แห่งในพื้นที่ของปากีสถานและดินแดนแคชเมียร์ภายใต้การปกครองของปากีสถาน ซึ่งทางการอินเดียระบุว่าเป็นค่ายฝึกผู้ก่อการร้าย ส่งผลให้ในเวลาต่อมาอินเดียและปากีสถานต่างใช้ขีปนาวุธและการโจมตีทางอากาศตอบโต้กันไปมาก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงยุติการโจมตีเมื่อวันเสาร์ (10 พ.ค.)
โมดีระบุว่า การโจมตีครั้งล่าสุดของอินเดียซึ่งสะท้อนนโยบายต่อต้านการก่อการร้ายของประเทศ ได้บรรลุมาตรฐานใหม่ในความพยายามดังกล่าวแล้ว และเพื่อเป็นการตอบโต้การก่อการร้ายใด ๆ ก็ตามหลังจากนี้ อินเดียจะดำเนินการอย่างเข้มงวดในทุกที่ที่ต้นตอของการก่อการร้ายปรากฏขึ้น และเสริมว่า อินเดียจะไม่แยกแยะระหว่างรัฐบาลที่สนับสนุนการก่อการร้ายและผู้อยู่เบื้องหลังการก่อการร้าย
ทั้งนี้ อินเดียกล่าวโทษว่า ปากีสถานอยู่เบื้องหลังเหตุกราดยิงในดินแดนแคชเมียร์ฝั่งอินเดียเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยว 26 รายเสียชีวิตและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีพลเรือนครั้งรุนแรงที่สุดในอินเดียในรอบเกือบ 20 ปี และได้ประกาศระงับการบังคับใช้สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุฉบับสำคัญ รวมถึงดำเนินมาตรการลงโทษอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ปากีสถานปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมดำเนินมาตรการตอบโต้อีกหลายชุด เช่น การระงับข้อตกลงการค้าทวิภาคี