จีนลงนามในอนุสัญญาจัดตั้งองค์กรไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างประเทศที่ฮ่องกงในวันนี้ (30 พ.ค.) โดยมีเป้าหมายให้องค์กรนี้มีสถานะเทียบเท่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) และช่วยยกระดับสถานะของฮ่องกงให้เป็นศูนย์กลางการระงับข้อพิพาทระดับโลก
การลงนามจัดตั้งองค์กรครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลต่อระบบการค้าโลกและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างกว้างขวาง
ในพิธีลงนามนั้น มีประเทศต่าง ๆ เข้าร่วม อาทิ อินโดนีเซีย ปากีสถาน ลาว กัมพูชา และเซอร์เบีย ขณะเดียวกัน สถานีวิทยุโทรทัศน์ฮ่องกง (RTHK) รายงานว่า มีผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศกว่า 20 แห่ง รวมถึงองค์การสหประชาชาติ (UN) เข้าร่วมพิธีด้วย
วิดีโอที่เผยแพร่ในพิธีลงนามซึ่งมี หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เป็นประธาน ระบุว่า องค์กรใหม่นี้จะพิจารณาข้อพิพาทในหลายรูปแบบทั้งระหว่างรัฐ ระหว่างรัฐกับพลเมืองของประเทศอื่น และข้อขัดแย้งระหว่างภาคเอกชนในระดับนานาชาติ
จอห์น ลี ผู้นำฮ่องกงกล่าวก่อนหน้านี้ว่า การจัดตั้งองค์กรนี้จะช่วยเสริมสร้างบทบาทของฮ่องกงในเวทีระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศ และอาจมีสถานะเทียบเท่ากับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศและศาลอนุญาโตตุลาการถาวรของสหประชาชาติ (Permanent Court of Arbitration) ที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์
พอล แลม รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมฮ่องกงกล่าวเสริมว่า องค์กรใหม่นี้จะช่วยให้ฮ่องกงสามารถเผชิญกับแรงกดดันจากอิทธิพลภายนอกที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งพยายามลดทอนบทบาทและความเป็นสากลของฮ่องกง
จากผลสำรวจ "2025 International Arbitration Survey" โดยมหาวิทยาลัยควีน แมรีแห่งลอนดอนพบว่า ฮ่องกงและสิงคโปร์ติดอันดับ 2 ร่วมกัน รองจากกรุงลอนดอนของอังกฤษ ในฐานะจุดหมายอันดับต้น ๆ สำหรับการจัดตั้งกระบวนการอนุญาโตตุลาการระดับนานาชาติ
สำหรับสำนักงานใหญ่ขององค์กรแห่งใหม่นี้จะตั้งอยู่ที่อาคารสถานีตำรวจเก่าในย่านหว่านไจ๋ของฮ่องกง โดยมีแผนเปิดดำเนินงานภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปี 2569