Spotlight: วิกฤต LA ส่อลุกลาม หลังทรัมป์ส่งทหารคุมฝูงชนลุกฮือต้านการจับกุมผู้อพยพ

ข่าวต่างประเทศ Tuesday June 10, 2025 15:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในนครลอสแอนเจลิส (แอลเอ) รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ มีแนวโน้มบานปลาย เมื่อผู้ประท้วงกว่า 1,000 คนที่ออกมารวมตัวต่อต้านปฏิบัติการกวาดล้างผู้อพยพทั่วรัฐแคลิฟอร์เนียในช่วงสุดสัปดาห์ ได้ปะทะกับทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิในใจกลางแอลเอเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 มิ.ย.)

การปะทะกันดังกล่าวทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจำนวน 2,000 นายเข้าควบคุมสถานการณ์ในแอลเอ โดยกองกำลังชุดแรกได้เดินทางถึงแอลเอในวันอาทิตย์ และเข้าประจำการบริเวณศูนย์กักกันที่ใช้ควบคุมตัวผู้อพยพผิดกฎหมาย

แต่การตัดสินใจใช้กำลังทหารในการคุมฝูงชนครั้งนี้ ได้จุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งทางรัฐธรรมนูญเพิ่มขึ้นระหว่างปธน.ทรัมป์ และรัฐแคลิฟอร์เนียที่นำโดยแกวิน นิวซัม จากพรรคเดโมแครต โดยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2508 ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สั่งให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของรัฐเข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลางโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ว่าการรัฐ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่ปกติและก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตของรัฐบาลกลาง และอำนาจอธิปไตยของรัฐ


- อะไรคือชนวนเหตุของการเผชิญหน้า?

การปะทะกันเกิดขึ้นหลังจากหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (Immigration and Customs Enforcement) เริ่มปฏิบัติการกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายทั่วทั้งแอลเอเมื่อวันศุกร์ (6 มิ.ย.) โดยมุ่งเน้นไปที่ย่านแฟชั่นใจกลางเมืองและชุมชนชาวละติน ซึ่งจุดชนวนให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การกวาดล้างส่งผลให้มีการจับกุมผู้อพยพมากกว่า 100 คน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้บรรดาผู้ประท้วงที่มีความรู้สึกโกรธแค้นออกมาเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ด้วยแก๊สน้ำตา ระเบิดแสง และก้อนหิน

ทรัมป์โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการประท้วงดังกล่าวบนทรูธ โซเชียล (Truth Social) ว่า "กลุ่มผู้ก่อการจลาจลที่ใช้ความรุนแรง" ได้กระทำการโจมตีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง พร้อมกับอ้างว่าแอลเอถูก "บุกรุกและยึดครองโดยคนต่างด้าวที่ผิดกฎหมายและเป็นอาชญากร"

ต่อมาในช่วงเย็นวันเสาร์ ทรัมป์ได้ใช้อำนาจของรัฐบาลกลางด้วยการใช้กฎหมายมาตรา 10 U.S.C. 12406 เพื่อเข้าควบคุมกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยไม่สนใจการคัดค้านจากแกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐ และในช่วงเช้าวันอาทิตย์ กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิที่สั่งการโดยรัฐบาลทรัมป์ได้เดินทางมาถึงใจกลางนครแอลเอ ซึ่งข้อมูลของกองบัญชาการภาคเหนือของสหรัฐฯ ระบุว่า กองพลน้อยทหารราบที่ 79 (79th Infantry Brigade Combat Team) จากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ส่งทหารประมาณ 300 นายแยกไปประจำการสามจุดในพื้นที่ของแอลเอ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ว่าฯ นิวซัมยื่นเรื่องต่อพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ยกเลิกการส่งกำลังพลอย่าง "ไม่ชอบด้วยกฎหมาย" โดยเรียกการกระทำดังกล่าวว่า "ละเมิดอำนาจอธิปไตยของรัฐอย่างร้ายแรง"

"เราไม่มีปัญหาจนกระทั่งทรัมป์เข้ามาเกี่ยวข้อง" นิวซัมโพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ (X) โดยเรียกการส่งกำลังพลเข้าประจำการในแอลเอว่า "เป็นการยั่วยุโดยเจตนา" และเตือนว่าจะ "ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น"

ขณะที่คาเรน บาสส์ นายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิส กล่าวถึงการส่งกำลังทหารเข้ามาประจำการในแอลเอว่าเป็นการ "ยกระดับความโกลาหล"


- ผู้ว่าการรัฐจากพรรคเดโมแครตทั่วประเทศแห่ประณามการกระทำของทรัมป์

ผู้ว่าการรัฐจากพรรคเดโมแครตกว่า 20 คนได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของทรัมป์ โดยกล่าวว่าการที่ทรัมป์สั่งให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของแคลิฟอร์เนียอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลางถือเป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบ พร้อมกับย้ำว่าผู้ว่าการรัฐยังคงมีอำนาจเหนือกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของตนเอง


- บทบาทของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ และการทำเกินขอบเขตอำนาจของรัฐบาลกลาง

กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิทำหน้าที่เป็นกองกำลังผสม โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของทั้งรัฐบาลกลางและรัฐ ซึ่งโดยปกติแล้ว กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจะตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ความไม่สงบของพลเรือน หรือวิกฤตด้านสาธารณสุข โดยอยู่ภายใต้การบัญชาการของผู้ว่าการรัฐ

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีมีอำนาจในการดึงกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของรัฐเข้ามาอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลกลางในกรณีที่เกิดสถานการณ์รุนแรง เช่น การก่อจลาจลหรือการขัดขวางกฎหมายของรัฐบาลกลาง โดยอำนาจดังกล่าวของประธานาธิบดีอยู่ในกรอบจำกัด ทั้งนี้ เมื่อกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้ามาอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของรัฐบาลกลางแล้ว กองกำลังแห่งนี้จะขึ้นตรงต่อประธานาธิบดีและสามารถได้รับมอบหมายหน้าที่ในการสนับสนุนทางทหารได้ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วกฎหมาย Posse Comitatus Act จะห้ามไม่ให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายภายในประเทศก็ตาม

ทางด้านนักวิจารณ์ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า การใช้อำนาจในลักษณะดังกล่าวของทรัมป์ทำให้ขอบเขตเหล่านี้คลุมเครือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากบริบททางการเมือง และการที่สถานการณ์ในขณะนี้ไม่ถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงเร่งด่วน

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายยังได้โต้แย้งการกระทำดังกล่าวของทรัมป์ว่า การส่งกำลังพลทำให้เกิดข้อกังวลด้านรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่า ด้วยการใช้กฎหมายมาตรา 10 แทนที่จะใช้กฎหมายปราบการจลาจล (Insurrection Act) นั้น ทรัมป์ได้กำหนดให้การกระทำของผู้ประท้วงเป็นการ "กบฏต่อต้านอำนาจของสหรัฐอเมริกา" เหตุผลนี้ แม้จะได้รับอนุญาตตามกฎหมายในบางกรณี แต่ก็เป็นการตีความอำนาจของรัฐบาลกลางอย่างแข็งกร้าว


- ความตึงเครียดกำลังถึงจุดเดือด

สำนักข่าว CNN รายงานว่า รัฐบาลทรัมป์เตรียมลดงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลกลางจำนวนกว่า 1.7 แสนล้านดอลลาร์ให้แก่รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งงบประมาณเหล่านี้สนับสนุนด้านสุขภาพ การศึกษา และบริการสังคม ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งมีประชากร 39 ล้านคน ได้ส่งภาษีสมทบให้กับรัฐบาลกลางมากกว่ารายได้ภาษีที่ทางรัฐได้รับถึง 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แคลิฟอร์เนียเป็น "รัฐผู้บริจาค" ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

แต่แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ขู่ว่าจะตอบโต้การกระทำของทรัมป์ด้วยการระงับการส่งภาษีสมทบให้กับรัฐบาลกลาง โดยอ้างถึงคำขวัญในยุคสงครามปฏิวัติที่ว่า "ไม่มีการเก็บภาษีหากไม่มีผู้แทน (no taxation without representation) ขณะที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาตอบโต้นิวซัมด้วยการเตือนว่า การกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการเลี่ยงภาษีซึ่งเป็นความผิดทางอาญา ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเผชิญหน้าทางรัฐธรรมนูญที่กำลังขยายวงกว้างขึ้น


- จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

นับจนถึงคืนวันอาทิตย์ที่ 8 มิ.ย. กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิยังคงประจำการอยู่รอบ ๆ สถานที่สำคัญของรัฐบาลกลางใจกลางแอลเอ ขณะที่ทรัมป์ลั่นวาจาว่าจะยกระดับการตอบสนองหากการประท้วงยังคงดำเนินต่อไป โดยประกาศว่า "เราจะมีทหารอยู่ทุกที่"

ล่าสุดนิวซัมได้ยื่นฟ้องทรัมป์และพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมฯ ในข้อหาที่สั่งการให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของรัฐแคลิฟอร์เนียชุดแรกจำนวน 2,000 นายเข้าประจำการในแอลเอภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลกลาง โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ว่าการรัฐ และจากนั้นไม่นานทรัมป์ได้อนุมัติการส่งทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้าไปประจำการในแอลเอเพิ่มอีก 2,000 นาย ซึ่งยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย

วิกฤตการณ์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในขณะนี้ได้ทำให้เกิดคำถามเร่งด่วนเกี่ยวกับอนาคตของระบบสหพันธรัฐอเมริกันและความสมดุลของอำนาจระหว่างรัฐ รัฐบาลกลาง และกองทัพ โดยในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังรับมือกับผลกระทบของการประจำการทางทหารที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นนี้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดีไปอีกหลายปีข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ