การสู้รบทางอากาศระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 4 แล้วในวันนี้ (16 มิ.ย.) โดยยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าความขัดแย้งของทั้งสองประเทศจะคลี่คลายลง ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าสงครามในตะวันออกกลางซึ่งอุดมไปด้วยน้ำมันแห่งนี้ จะขยายตัวกว้างขึ้น
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิหร่านได้ยิงโดรนและขีปนาวุธหลายระลอกเข้าถล่มอิสราเอล ขณะที่อิสราเอลเดินหน้าโจมตีกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน และสังหารเจ้าหน้าที่ทหารคนสำคัญอีกคนหนึ่ง
ข้อมูลของรัฐบาลอิหร่านระบุว่า นับตั้งแต่วันศุกร์ (13 มิ.ย.) มีผู้เสียชีวิตในอิหร่านแล้ว 224 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่หน่วยบริการฉุกเฉินของอิสราเอลรายงานว่า การโจมตีของอิหร่านทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 รายในอิสราเอล และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 400 ราย
ความตึงเครียดปะทุขึ้นหลังอิสราเอลเปิด "ปฏิบัติการสิงโตผงาด" (Operation Rising Lion) ด้วยการจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัวเมื่อวันศุกร์ จนสามารถสังหารคณะผู้บัญชาการทหารระดับสูงสุดของอิหร่าน และสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ โดยอิสราเอลประกาศจะยกระดับปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อิหร่านประกาศจะเอาคืนอย่างสาสม
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (15 มิ.ย.) ว่า อิหร่านและอิสราเอลจะทำข้อตกลงร่วมกัน โดยเขาโพสต์ข้อความบนทรูธ โซเชียล (Truth Social) ว่า "เราจะมีสันติภาพในไม่ช้า ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน!" และยังกล่าวด้วยว่า "มีการโทรศัพท์และการประชุมเกิดขึ้นในขณะนี้"
อย่างไรก็ดี แม้ว่าปธน.ทรัมป์ได้แสดงความเห็นดังกล่าว แต่ก็แทบไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าความคืบหน้าจะเกิดขึ้นโดยเร็ว เมื่อพิจารณาจากคำพูดของเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลซึ่งกล่าวในขณะตรวจเยี่ยมสถานที่ที่ถูกขีปนาวุธโจมตีในเมืองชายฝั่งบาตยัมเมื่อวันอาทิตย์ว่า "เรากำลังอยู่ในสงครามเพื่อความอยู่รอด และอิหร่านจะต้องจ่ายราคาที่หนักหน่วงมากสำหรับการจงใจฆ่าพลเมืองของเรา ทั้งผู้หญิงและเด็ก" ในขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลกล่าวว่า "ระบอบการปกครองในเตหะราน" ได้กลายเป็นเป้าหมายแล้ว