สำนักข่าว FOX News รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สอบถามที่ปรึกษาของเขาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ "บังเกอร์บัสเตอร์" หรือ "ระเบิดทำลายบังเกอร์" ในการทำลายโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมฟอร์โดของอิหร่าน
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์เสนอให้มีการโจมตีอิหร่าน ก็ต่อเมื่อมีการรับประกันว่า ระเบิดทำลายบังเกอร์จะสามารถทำลายโรงงานดังกล่าว โดยปธน.ทรัมป์ไม่ได้พิจารณาทางเลือกอื่นในการใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี (tactical nuclear weapons) ในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ได้เข้าประชุมกับที่ปรึกษาระดับสูงในห้องสถานการณ์ (Situation Room) โดยเขารับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับข่าวกรองในวันนี้ (19 มิ.ย.) แม้ตรงกับวันหยุดราชการของสหรัฐ เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth) ซึ่งรำลึกถึงการสิ้นสุดของการค้าทาสในอเมริกา
ขณะเดียวกัน นายชัค ฟรีลิช อดีตรองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล กล่าวว่า "หากสงครามครั้งนี้สิ้นสุดลงโดยที่โรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดยังคงอยู่โดยไม่ถูกทำลาย ก็เท่ากับว่าสงครามครั้งนี้ไม่ได้บรรลุเป้าหมาย และประชาชนจะตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูว่าเขาเริ่มต้นทำสงครามไปเพื่ออะไร"
กรุงวอชิงตัน ดีซี กำลังมีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าใกล้การใช้ปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่าน โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
ที่ผ่านมา การที่สหรัฐประกาศสงครามต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง ประธานาธิบดีสหรัฐจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา แต่มีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์จะใช้อำนาจพิเศษของฝ่ายบริหารในการเข้าร่วมปฏิบัติการกับอิสราเอลในการทำสงครามโจมตีอิหร่าน โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาคองเกรส
รายงานระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้อนุมัติแผนการโจมตีอิหร่านแล้ว โดยไม่ได้ขอความยินยอมจากรัฐสภา ขณะที่สำนักข่าว CBS News รายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้อนุมัติแผนการโจมตีอิหร่านเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า กองทัพสหรัฐได้เคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปยังยุโรปและตะวันออกกลาง โดยรวมถึงเครื่องบินรบ F-22 รุ่นล่าสุด เรือรบที่สามารถยิงสกัดขีปนาวุธ เครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ และกองเรือบรรทุกเครื่องบินรบ
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากสหรัฐเข้ามามีส่วนร่วมในปฏิบัติการโจมตีอิหร่านร่วมกับอิสราเอล ก็คาดว่าจะเป็นการทิ้งระเบิดโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ใต้ดินของอิหร่านในเมืองฟอร์โด โดยใช้ระเบิดทำลายบังเกอร์ของสหรัฐ
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ผมมีแนวคิดว่าจะทำอะไร แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจในขั้นสุดท้าย ผมชอบที่จะตัดสินใจในวินาทีสุดท้ายก่อนถึงกำหนด เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องสงคราม"
วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้แจ้งต่อคณะทำงานว่าเขาได้อนุมัติแผนการโจมตีแล้ว แต่ยังชะลอการดำเนินการไว้ก่อน เพื่อรอดูว่าอิหร่านจะยอมละทิ้งโครงการนิวเคลียร์หรือไม่
ทั้งนี้ โรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมฟอร์โดของอิหร่านยังคงหลุดรอดจากการโจมตีของอิสราเอล เนื่องจากโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ลึกภายในภูเขาใกล้เมืองกอมของอิหร่าน และถูกออกแบบให้ต้านทานการโจมตีทางอากาศแบบทั่วไปได้เกือบทั้งหมด ซึ่งหากอิสราเอลต้องการทำลายเป้าหมายดังกล่าว อิสราเอลจำเป็นต้องใช้ระเบิด GBU-57A/B ของสหรัฐ ซึ่งอิสราเอลไม่มีอยู่ในครอบครอง และไม่สามารถใช้งานได้ด้วยตนเอง
ระเบิด GBU-57 Massive Ordnance Penetrator (MOP) ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ "บังเกอร์บัสเตอร์" หรือ "ระเบิดทำลายบังเกอร์" มีน้ำหนัก 30,000 ปอนด์ สามารถทะลุทะลวงทำลายเป้าหมายที่อยู่ลึกภายใต้พื้นดิน
GBU-57 Massive Ordnance Penetrator ผลิตโดยบริษัทโบอิ้ง เป็นระเบิดที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ที่ทรงพลังที่สุดในคลังอาวุธของสหรัฐสำหรับทำลายเป้าหมายใต้ดิน ซึ่ง GBU-57 ถูกออกแบบมาสำหรับการโจมตีบังเกอร์ที่มีการป้องกันหนาแน่น เครือข่ายอุโมงค์ และโรงงานนิวเคลียร์ที่ระเบิดทั่วไปไม่สามารถทำลายได้ โดยมีคุณสมบัติสำคัญดังนี้:-
✔ น้ำหนัก: มากกว่า 13,600 กิโลกรัม (30,000 ปอนด์)
✔ ความยาว: 6.2 เมตร
✔ วัตถุระเบิด: บรรจุวัตถุระเบิดแรงสูงประมาณ 2,500 กิโลกรัม
✔ ความสามารถในการทะลุทะลวง: สามารถเจาะผ่านคอนกรีตเสริมเหล็กหรือชั้นหินได้ลึกถึง 60 เมตร
✔ เครื่องบินที่ใช้ในการทิ้งระเบิด: เครื่องบินทิ้งระเบิดสเตลท์ B-2 Spirit ของกองทัพอากาศสหรัฐ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกการร่วมประชุม G7 ก่อนกำหนดเพื่อเข้าร่วมการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งจุดกระแสคาดการณ์ว่าสหรัฐอาจเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน โดยการใช้ GBU-57 ในปฏิบัติการดังกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญทางทหารเชื่อว่า สหรัฐอาจจำเป็นต้องใช้ระเบิด GBU-57 หลายลูกเพื่อปิดฉากและทำลายโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน