อับบาส อารักชี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ประกาศเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) ว่า ยังไม่มีการตกลงหรือให้คำมั่นใด ๆ เรื่องจะกลับไปเจรจากับสหรัฐฯ แม้ขณะนี้ความตึงเครียดจะพุ่งสูงขึ้นมาก หลังอิสราเอลกับสหรัฐฯ โจมตีในพื้นที่อิหร่าน สวนทางกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศไว้ว่าสหรัฐฯ วางแผนจะคุยกับอิหร่านสัปดาห์หน้า
อารักชีเปิดเผยในการให้สัมภาษณ์กับสถานี IRIB ว่า ความเป็นไปได้ที่จะหวนคืนสู่โต๊ะเจรจายังคงอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าผลประโยชน์ของอิหร่านได้รับการปกป้องหรือไม่
อารักชีกล่าวว่า "การตัดสินใจของเราขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของอิหร่านเท่านั้น ... หากผลประโยชน์ของเราต้องอาศัยการเจรจา เราก็จะพิจารณา แต่ในตอนนี้ ยังไม่มีข้อตกลงหรือคำมั่นสัญญาใด ๆ และไม่มีการหารือใด ๆ เกิดขึ้น"
อารักชีกล่าวหาว่า สหรัฐฯ หักหลังอิหร่านในการเจรจารอบก่อน ๆ ที่เกี่ยวกับการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 และการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
นักการทูตอิหร่านยังยืนยันอีกว่า กฎหมายที่ระงับความร่วมมือกับหน่วยงานตรวจสอบนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ (UN) ได้มีผลผูกมัดแล้ว หลังรัฐสภาให้การเห็นชอบ และได้รับการอนุมัติจากสภาผู้พิทักษ์
อารักชียังกล่าวอีกว่า ความเสียหายจากสงคราม 12 วันกับอิสราเอลนั้น "สาหัสมาก" และผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรพลังงานปรมาณูของอิหร่านกำลังประเมินอย่างละเอียด โดยเรื่องการเรียกร้องค่าเสียหายเป็นวาระสำคัญอันดับต้น ๆ ของรัฐบาล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การปะทะกันโดยตรงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน เปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. เมื่ออิสราเอลระดมโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายหลายแห่งทั่วอิหร่าน รวมถึงฐานทัพทหารและโรงงานนิวเคลียร์ ส่งผลให้ผู้บัญชาการระดับสูง นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ และพลเรือนเสียชีวิตหลายราย ในทางกลับกัน อิหร่านก็ได้โจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธและโดรนหลายครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและเกิดความเสียหายเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้โจมตีโรงงานนิวเคลียร์สำคัญ 3 แห่งของอิหร่านเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (21 มิ.ย.) ซึ่งอิหร่านก็ตอบโต้ด้วยการถล่มขีปนาวุธใส่ฐานทัพอากาศอัลอูเดดของสหรัฐฯ ในกาตาร์ในวันจันทร์ (23 มิ.ย.)