ฌอน พาร์เนลล์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในอิหร่านทำให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านต้องล้าหลังไป 1-2 ปี ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสภาพของโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่า โรงงานเหล่านั้นได้ถูกทำลายหมดสิ้นแล้ว
พาร์เนลล์กล่าวว่า หน่วยข่าวกรองของนานาประเทศน่าจะได้ข้อสรุปในทางเดียวกันกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเสื่อมถอยของศักยภาพโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน และข้อเท็จจริงที่ว่าสหรัฐฯ ได้ทำให้โครงการนิวเคลียร์ของพวกเขาล้าหลังไป 1-2 ปี และยืนยันว่าทางสหรัฐฯ ยังคงประเมินว่า สถานที่ที่ถูกโจมตีได้ถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว
พาร์เนลล์กล่าวเพิ่มเติมว่า การโจมตีที่ศูนย์นิวเคลียร์ในเมืองฟอร์โด อีสฟาฮาน และนาทานซ์ ทำให้ความสามารถทางกายภาพของอิหร่านในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ถ้อยแถลงดังกล่าวของพาร์เนลล์สอดรับกับถ้อยแถลงของทรัมป์ที่ย้ำหลายต่อหลายครั้งว่า การทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ใส่โรงงานสำคัญต่าง ๆ ได้ทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านจนหมดสิ้นแล้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลของทรัมป์ยังปฏิเสธการประเมินเบื้องต้นจากหน่วยข่าวกรองกลาโหมที่ระบุว่า การโจมตีดังกล่าวอาจทำให้โครงการล่าช้าไปเพียงไม่กี่เดือน
ทั้งนี้ ทรัมป์ได้สั่งโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่งในเดือนมิ.ย. ก่อนประกาศการหยุดยิงระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลหลังสงครามดำเนินไป 12 วัน ซึ่งจนถึงขณะนี้ ข้อตกลงหยุดยิงยังคงมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่านแสดงความสงสัยว่าข้อตกลงนี้จะยืนยาวเพียงใด
ทรัมป์ระบุว่า เขาอาจเสนอการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแก่อิหร่าน "หากสามารถดำเนินการอย่างสันติ" หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยกล่าวว่าจะยังไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ขณะที่กล่าวโจมตีอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านที่อ้างว่าได้รับชัยชนะในการทำสงครามกับอิสราเอล